หมายเหตุ: มิเนียเจอร์กล่องนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท Games Workshop โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆครับ
สวัสดีครับ เมื่อไม่กี่วันก่อนได้รับ boxset กล่องล่าสุด Warhammer Age of Sigmar: Dominion จากทาง Games Workshop ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คิดว่าหลายๆท่านก็คงรอคอยที่จะจับจองเป็นเจ้าของกล่องนี้อยู่ เลยถือโอกาสนี้มารีวิวให้ได้ชมกันว่าภายในกล่องนั้นเป็นอย่างไรครับ และเนื่องจากส่วนตัวไม่มีความรู้ในเรื่องของเนื้อเรื่องและวิธีการเล่นเกมใดๆเลย จึงขอพูดถึงเฉพาะเรื่องของสิ่งที่มีมาให้ในกล่องและมิเนียเจอร์เท่านั้นครับ
สิ่งที่ให้มาในกล่อง Dominion จะประกอบไปด้วยมิเนียเจอร์จำนวน 60 ตัว แบ่งเป็นฝั่ง Stormcast Eternals 21 ตัว และ Kruleboyz Orruks 39 ตัว และมีแผ่นการ์ดให้มาทั้งหมด 16 แผ่น (แบ่งเป็น 14 warscroll cards และ 2 allegiance abilities cards) นอกจากนี้ก็จะมีหนังสือ Start Here: War at Amberstone Watch มีความหนา 24 หน้า เกี่ยวกับเนื้อเรื่องของการรบในเกมนี้และประวัติของตัวละครและยูนิตที่ใช้ในเกมครับ และสุดท้ายที่มีมาให้ภายในกล่องคือหนังสือ Core Book ขนาดความหนา 360 หน้า ซึ่งจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องของเกม Warhammer Age of Sigmar ทั้งหมด ตั้งแต่เนื้อเรื่องในภาพรวมแบบคร่าวๆ แนะนำกองทัพของแต่ละฝ่าย ประวัติคร่าวๆและตัวอย่างมิเนียเจอร์ รวมไปถึงกฏและกติกาในการเล่นแบบละเอียดครับ
สำหรับหนังสือ Core Book ที่ให้มาในกล่องนั้น จะเป็นปกแบบพิเศษที่พิมพ์ภาพวาดเต็มหน้าปกและไม่มีการใส่ตัวหนังสือใดๆไว้ ซึ่งปกแบบพิเศษนี้จะมีมาให้เฉพาะในกล่อง Dominion เท่านั้นครับ ก่อนหน้านี้ทาง Games Workshop ได้ประกาศออกมาว่าหนังสือ Core Book สำหรับ 3rd edition นี้จะมีออกมาทั้งหมด 3 แบบ คือ แบบพิมพ์ภาพวาดเต็มหน้าปกที่ให้ในกล่อง Dominion, แบบ limited edition ปกสีดำพร้อมกล่องใส่สวยงามสำหรับนักสะสม, และแบบปกธรรมดาพิมพ์ภาพวาดเดียวกับปก Dominion แต่จะมีโลโก้และตัวหนังสือบนหน้าปก โดยสองแบบหลังจะเปิดให้พรีออเดอร์พร้อมกับกล่อง Dominion ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ครับ
ทีนี้ลองมาดูที่ตัวมิเนียเจอร์ที่ให้มากันบ้าง หลังจากวันที่เปิดตัวกล่องนี้และมีภาพออกมาให้เห็นในโลกออนไลน์ ก็กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางในหมู่แฟนๆวอร์แฮมเมอร์ และมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบในดีไซน์แบบใหม่ของมินิจากทั้งสองทัพ ในความเห็นส่วนตัวคือรู้สึกชอบในดีไซน์ใหม่นี้ของทั้งสองทัพมากๆ เพราะรู้สึกว่ามันดูมีความสมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะฝ่าย Stormcast Eternals ที่รูปร่างดูมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่าเดิม ส่วนฝ่าย Kruleboyz ก็มีรายละเอียดของตัวมินิที่สื่อถึงความดุร้ายและน่ากลัวมากขึ้นกว่าดีไซน์แบบเก่าที่จะออกไปทางตัวร้ายแบบในการ์ตูน ซึ่งมันทำให้ภาพลักษณ์ของดีไซน์แบบใหม่นี้ดูเหมาะสมกับเรื่องราวของวอร์แฮมเมอร์ และดูใกล้เคียงกับภาพวาดประกอบหรืออาร์ตเวิร์คต่างๆที่มีให้เห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในมุมมองส่วนตัวคิดว่า ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นแนวทางที่ใช้ในการออกแบบมินิตัวใหม่ๆจากทัพอื่นๆในอนาคตให้ดูสมจริงมากขึ้นแบบนี้ก็เป็นได้ เพื่อให้เข้ากับแนวโน้มความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไปจากเดิม เหมือนที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วกับไพรมาริส และเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบันก็คงสามารถทำออกมาได้อย่างสวยงามแน่นอนเหมือนกับที่เห็นในชุดนี้ เพียงแต่ถ้าคิดที่จะทำจริงๆก็คงจะใช้เวลาอีกเป็นปีๆกว่าจะปรับเปลี่ยนดีไซน์และทยอยออกสินค้ามาครอบคลุมได้ครบทุกกองทัพ ถ้าใครที่รู้จักวอร์แฮมเมอร์มามากกว่าสิบปีหรือยี่สิบปี ก็อาจจะไม่แปลกใจในการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ต่างๆ เพราะที่ผ่านมาก็มีการปรับเปลี่ยนแบบนี้อยู่เรื่อยๆมาโดยตลอดอยู่แล้ว และไม่แน่ว่าเมื่อถึงเวลาที่มีการนำมินิจากโลกเก่ามาผลิตใหม่อีกครั้ง เราอาจจะได้พบกับกลุ่มอัศวินสู้รบกับปีศาจในแบบที่สมจริงมากกว่าเดิมก็เป็นได้ครับ ส่วนตัวหวังเอาไว้ว่าจะเป็นแบบนั้น 😄
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ ทีนี้ลองไปดูที่เรื่องรายละเอียดของมินิที่อยู่บนแผง ในช่วงหลายปึที่ผ่านมาจะเห็นว่าการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกของ Games Workshop นั้นพัฒนาดีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของการออกแบบจัดวางชิ้นส่วนต่างๆเพื่อซ่อนรอยประกบ ความลงตัวในการประกอบ การฉีดพลาสติกให้มีรายละเอียดบนชิ้นงานที่คมชัดสวยงาม รวมไปถึงการออกแบบให้ตัวมินิแต่ละตัวมีชิ้นส่วนมาประกอบกันไม่กี่ชิ้น แต่ยังมีรายละเอียดอยู่บนตัวมากมาย ซึ่งในส่วนนี้จะเห็นได้ชัดมากบนมินิในกล่องนี้โดยเฉพาะพวก Hobgrot Slittaz ที่มีชิ้นส่วนเพียงแค่ 3-4 ชิ้นมาประกอบกัน แต่รายละเอียดบนตัวนั้นน่าทึ่งมาก หรือแม้แต่ Killaboss on Great Gnashtoof ที่มีขนาดใหญ่และมีรายละเอียดมากมาย ก็ยังมีชิ้นส่วนมาประกอบกันแค่ 10 กว่าชิ้นเท่านั้น
ส่วนฝ่าย Stormcast Eternals นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูสมส่วนแบบมนุษย์ทั่วไปแล้ว รายละเอียดต่างๆทั้งบนชุดเกราะและอาวุธก็ทำออกมาได้ดูลงตัวโดยที่ยังคงภาพลักษณ์ของชุดเกระแบบเก่าเอาไว้ได้อย่างดี และการออกแบบชิ้นส่วนต่างๆให้หลีกเลี่ยงรอยประกบ รวมถึงการทำให้มีชิ้นส่วนที่มาประกอบกันต่อตัวเพียงไม่กี่ชิ้น ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับฝ่าย Kruleboyz เช่นกัน
นอกจากนั้นมินิในกล่องนี้บางส่วน จะมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมที่ให้มาสำหรับเลือกเปลี่ยนท่าทางหรือเลือกเปลี่ยนหัวได้ และเท่าที่สังเกตดูจะมีบางตัวที่ชิ้นส่วนนั้นฉีดรวมอยู่ในแผงเดียวกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าในอนาคตตัวที่ฉีดแยกแผงเหล่านี้อาจจะออกมาแยกกล่องขายในภายหลัง ซึ่งถ้าใครได้ดูโพสในวันเปิดตัวออนไลน์บน warhammer-community.com จะมีระบุเอาไว้ด้วยว่ามินิที่อยู่ในกล่องนี้คงจะมีมาแยกขายในอนาคตด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวไหนหรือว่าเมื่อไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าคงจะไม่ใช่ทุกตัวที่มีแยกขายในภายหลังครับ
โดยภาพรวมของมินิจากทั้งสองฝ่าย แม้จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ดูสมจริงมากขึ้นทั้งในเรื่องของสัดส่วนและรายละเอียดต่างๆบนชิ้นงาน แต่ในเรื่องของความสะดวกและง่ายต่อการประกอบก็ยังสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งในจุดนี้คงจะเป็นส่วนสำคัญที่ Games Workshop พยายามรักษาเอาไว้ เพื่อให้สินค้านั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพ้นท์เตอร์ที่ชอบในรายละเอียดที่สวยงาม หรือเกมเมอร์ที่ต้องการนำไปเล่นได้อย่างรวดเร็ว ก็สามารถมีความสุขกับมินิกล่องนี้ได้ไม่ต่างกันครับ
สำหรับกล่อง Dominion นี้ จะเปิดให้พรีออเดอร์ในวันเสาร์ที่ 19 มิถุนายนนี้ ส่วนเรื่องของราคายังไม่ได้มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่มีคนคาดการณ์เอาไว้ว่าราคาน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับกล่อง Indomitus ของฝั่ง 40k ครับ ซึ่งถ้าเป็นราคานี้จริงก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะสิ่งที่ให้มาภายในกล่องถ้ามีให้ซื้อแยกในภายหลัง อย่างไรเสียก็จะมีราคารวมสูงกว่าราคากล่องนี้แน่นอนครับ ซึ่งในวันที่เปิดตัวออนไลน์นั้น ในเว็บไซต์ warhammer-community มีการระบุเอาไว้ในโพสเปิดตัวว่า ทาง Games Workshop ผลิตกล่อง Dominion ออกมาในจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะมีการผลิตตลอดไป เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะหมดลงและเปลี่ยนไปผลิตกล่องอื่นๆแทน เป็นธรรมชาติของกล่อง boxset ครับ ดังนั้นคงต้องลองตัดสินใจกันดูว่ากล่องนี้นั้นคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่ครับ
(ภาพเปรียบเทียบมินิที่ประกอบแล้วกับมินิตัวอื่นๆจะลงไว้ท้ายสุดครับ)
ถ้าท่านไหนสนใจกล่อง Dominion นี้ คงต้องลองสอบถามรายละเอียดจากร้าน Legendary Wargames หรือร้านอื่นๆดูอีกที คาดว่าคงจะลงรายละเอียดการสั่งจองให้ได้ทราบกันเร็วๆนี้ครับ
สุดท้ายนี้อยากจะแจ้งให้ทราบว่า ผมได้เซ็นสัญญารับสปอนเซอร์จากทาง Games Workshop มาตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมาได้ลงภาพสินค้าที่ได้รับการสนับสนุนจากทางสปอนเซอร์บนสื่อออนไลน์หลายครั้ง แต่ไม่ได้ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นสินค้าที่ได้รับการสนับสนุน ยกเว้นว่าถ้ามีคนถามถึงจะบอก แต่เนื่องจากข้อกฏหมายที่เปลี่ยนไปในช่วงที่ผ่านมา ในอนาคตหากมีการโพสเกี่ยวกับสินค้าที่ได้รับการสนับสนุนมาอีก จะต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นสินค้าที่ได้รับการสนับสนุนโดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เหมือนกับที่ได้ระบุหมายเหตุเอาไว้ด้านบนของโพสนี้ครับ
หวังว่าคงจะชอบบทความรีวิวนี้กัน ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็ลองสอบถามมาได้ครับ แล้วพบกันใหม่ครับ
|
ภาพหน้ากล่องสวยงามมาก ส่วนขนาดของกล่องจะเท่ากับ boxset กล่องอื่นๆ แต่หนากว่าเล็กน้อย |
|
ด้านหลังกล่องมีภาพตัวอย่างมินิทั้งหมด และระบุเอาไว้ว่าภายในกล่องมีอะไรให้มาบ้าง |
|
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะเจอภาพอาร์ตเวิร์คขนาดเท่ากล่องสวยงามมากเช่นกัน |
|
ด้านหลังภาพอาร์ตเวิร์คเป็นโลโก้ Warhammer Age of Sigmar |
|
ด้านข้างของกล่องชั้นในจะมีภาพตัวอย่างมินิที่ลงสีแล้วของทั้งสองฝ่าย พิมพ์เอาไว้ทั้งสี่ด้าน |
|
เมื่อหยิบภาพอาร์ตเวิร์คออกมาจะเจอแผงมิเนียเจอร์ที่อัดแน่นกันอยู่ แน่นในระดับที่ว่าเวลาวางกลับคืนถ้าจัดเรียงไม่ถูกจะปิดกล่องไม่ได้กันเลยทีเดียว ชื่นชมคนแพคกิ้งมากๆ 😅 |
|
เมื่อยกแผงมินิทั้งหมดออกไปจะเจอภาพอาร์ตเวิร์คแบบเดียวกันอีกหนึ่งภาพ |
|
จากนั้นจะเป็นช่องใส่หนังสือที่มีมาให้ ส่วนของการ์ด, คู่มือการประกอบ และหนังสือ Start Here จะใส่รวมกันในถุงพลาสติก และชั้นล่างสุดจะเป็นหนังสือ Core Book ส่วนช่องด้านข้างฝั่งขวาจะเป็นถุงใส่ฐานของมินิทั้งหมด |
|
การ์ดที่ให้มามีทั้งหมด 16 แผ่น ด้านหลังจะเป็นรายละเอียดค่าพลังของแต่ละยูนิต |
|
หน้าปกหนังสือ Start Here: War at Amberstone Watch มีความหนา 24 หน้า |
|
ภายในจะเป็นเรื่องราวของสงครามในครั้งนี้ และประวัติคร่าวๆของแต่ละยูนิต |
|
หนังสือ Core Book หน้าปกแบบพิเศษพิมพ์ภาพวาดเต็มหน้าปก มีให้เฉพาะในกล่อง Dominion เท่านั้น |
|
ภายในอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาต่างๆ ทั้งคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับผู้เล่นใหม่ อธิบายที่มาที่ไปของเกมนี้ประวัติศาสตร์การรบแบบคร่าวๆ แนะนำกองทัพแต่ละฝ่าย รวมไปถึงกฏในการเล่นเกมแบบละเอียด หนังสือมีความหนา 360 หน้า |
|
ภาพแผงพลาสติกของฝ่าย Stormcast Eternals |
|
ภาพรายละเอียดของมิเนียเจอร์แบบชัดๆ จะเห็นว่าการฉีดพลาสติกนั้นทำออกมาได้ดีมาก รายละเอียดต่างๆนั้นดูคมชัดแม้จะมีขนาดที่เล็ก |
|
ชิ้นส่วนของ Killaboss on Great Gnashtoof มีรายละเอียดบนตัวที่น่าทึ่งมาก |
|
ภาพมินิที่ประกอบให้ดูเพื่อเปรียบเทียบสัดส่วนครับ จากซ้ายไปขวา Vindictor, Annihilator, Murknob with Belcha-banna, Gutrippaz, Hobgrot Slittaz |
|
เปรียบเทียบระหว่างดีไซน์แบบเก่ากับแบบใหม่ของ Stormcast Eternals จะเห็นว่าความสูงนั้นดูไม่ต่างกัน แต่ดีไซน์แบบใหม่จะดูผอมเพรียวกว่าอย่างชัดเจน |
|
ฝ่าย Kruleboyz เปรียบเทียบขนาดกับ Ghulgoc the Butcher |
|
Hobgrot Slittaz ตัวนี้มีชิ้นส่วนประกอบกันแค่ 3 ชิ้น แต่รายละเอียดนั้นน่าทึ่งมาก |
No comments:
Post a Comment