Saturday, October 27, 2012

ARTVENTURE


วันนี้อยากจะขอแนะนำรายการทางเคเบิ้ลทีวี ที่กลุ่มเพื่อนๆของผมคือ เดล เอ็ม และ ปุ๊ก แห่ง ESA Crew ได้ร่วมกันทำขึ้นมา โดยเป็นรายการแนวใหม่ที่นำเสนอการท่องเที่ยวผจญภัยแนวศิลปะ และพาผู้ชมไปรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับงานศิลปะในแขนงอื่นๆที่ต่างออกไปจากที่เราคุ้นเคย เช่น Street Art, Graffiti, Tattoo และอื่นๆอีกมากมาย 
ซึ่งเนื้อหาของรายการจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลักๆคือ Art-Round The World ที่ 2 คู่หูจะพาไปเทียวตามสถานที่ต่างๆที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ และ Art-Riginal จะเป็นการสัมภาษณ์และนั่งพูดคุยแบบสบายๆกับบุคคลที่ทำงานศิลปะในหลากหลายประเภท
และในเทปที่ 2 นี้จะเป็นเรื่องราวของของเล่นของสะสม รวมไปถึงการทำโมเดล และทางรายการก็ได้ให้เกียรติมาสัมภาษณ์และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของการทำโมเดลและมินิเจอร์กันที่บ้านของผมด้วยครับ :) 



ถ้าสนใจในรายการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่และงานศิลปะในรูปแบบอื่นๆที่คุณอาจจะยังไม่เคยได้สัมผัสหรือรู้จักมันมาก่อน สามารถติดตามชมได้ทาง True Vision ตามตารางออกอากาศด้านล่างครับ

รายการ ARTVENTURE ผจญภัยแนวศิลปะไปกับสองคู่หู GOH-M และ BIGDEL
ออกอากาศทาง True vision 73 - Travel Channel
ทุกวันจันทร์ เวลา 23.00 - 23.30
Rerun - อังคาร 14.30 - 15.00
Rerun - ศุกร์ 17.30 - 18.00
Rerun - เสาร์ 11.00 - 11.30

หรือติดตามรายระเอียดของทางรายการได้ที่ Facebook - ARTVENTURE TV
และติดตามชมรายการย้อนหลังได้ที่ ESA crew - Youtube Channel

Tuesday, October 23, 2012

"Figure Art" An Artbook by Roman Lappat & Raffaele Picca


Very Interesting project from MASSIVE VOODOO, check out the details and support their project [here] (highly recommended :)

Tutorial: How to Paint Cracked Leather

I've decided to separate this tutorial from Lord of The Gabrax article and post it again in a tutorials section for ease of searching. :)
(Note, reference images will help to understand the nature of cracked leather easier, as shown on the pictures below.)





From the picture above, you can see inside of a cloak which looks like cracked leather.I also made it on the backside of a battle standard. 
For this method, after spraying a matt black primer from GSI color, I painted a VMC 70822 German Cam.Black Brown in the raised area for the basecoat and leave a black primer on the recesses as a shadow.

ในภาพด้านบนจะเห็นบริเวณของด้านในผ้าคลุมที่เพนท์ให้เป็นลักษณะของหนังสัตว์ที่มีลวดลายของรอยแตกอยู่บนพื้นผิว และผมใช้วิธีการนี้ในการเพนท์บริเวณด้านหลังของธงด้วยเช่นเดียวกัน โดยเริ่มจากรองพื้นทั้งหมดก่อนด้วยสีดำด้านของกันเซ่ แล้วใช้สี VMC 70822 น้ำตาลเข้ม มาทาในส่วนสันนูนโดยเว้นส่วนของสีดำด้านในบริเวณร่องที่ต่ำกว่าเอาไว้


Applied the first highlight by using VMC 70822 German Cam. Black Brown + VPA 70312 Leather and thinned to 3:1 water to paint. With small amount of glaze medium from Vallejo added in this mixture. It's very helpful to blend it smoothly with previous colors.

ลงสีไฮไลท์ชั้นแรกด้วย VMC 70822 German Cam. Black Brown + VPA 70312 Leather ในอัตราส่วนน้ำ 2 ส่วนต่อสี 1 ส่วน และทาตามบริเวณสันนูนของผืนธงอีกครั้ง เพื่อจำลองแสงที่ส่องลงมา และเกลี่ยให้รอยต่อระหว่างสีของไฮไลท์กับสีพื้นนั้นดูกลมกลืนกัน โดยผสมน้ำอีกเล็กน้อยและ glaze medium เพื่อให้การเกลี่ยสีนั้นทำได้ง่ายขึ้น


The second hightlight is mixed from VPA 70312 Leather + VMC 70981 Orange Brown again thinned to 3:1. This is applied in the same areas as the first highlight, but trimmed back slightly as to leave the first highlight showing between the basecoat and the second. 
I continued blending between these two highlight with help of a glaze medium until it's blended smoothly from the raised area to the shadow.

ไฮไลท์ชั้นที่ 2 ใช้สี VPA 70312 Leather + VMC 70981 Orange Brown และทาลงในบริเวณสันนูนเช่นเดิม โดยไล่จากด้านบนของสันนูนลงไปให้กลืนกับสีของไฮไลท์ชั้นแรกและไม่ทับไปทั้งหมด
ในขั้นตอนนี้ผมจะใช้สีทั้งหมดที่ผสมไว้ทาทับกันไปมา และใช้ glaze medium ช่วยในการเกลี่ยสี จนกว่าสีทั้งหมดจะดูกลมกลืนกัน


For a crack on the leather surface. It's mixed from VPA 70312 Leather + VMC 70981 Orange Brown + VMC 70951 White, mixed it in 3 tones which must be lighter than a color on the areas in used.
The first lighter tone is dark to apply on the recesses area or shadow.
The second is a middle tone to be applied between the light and shadow area.
The third is a light tone to be applied on a raised area or highlight.

สำหรับรอยแตกบนพื้นหนังนั้น ใช้สี VPA 70312 Leather + VMC 70981 Orange Brown + VMC 70951 White มาผสม และแบ่งสีที่ผสมออกเป็นสามส่วน ไล่จากสีที่เข้มไปหาอ่อน และแต่ละสีจะสว่างกว่าสีในบริเวณที่จะทา
สีแรกผสมเป็นสีเข้มไว้ทาในส่วนของเงา
สีที่สองเป็นสีกลางไว้ทาบริเวณรอยต่อของเงาและแสง
สีที่สามเป็นสีอ่อนไว้ทาบริเวณแสง


In order to paint cracks, I used a very tiny paintbrush and drew a rectangular or pentagonal grid linked in free style and tried to draw a clear and small line.

ในการเขียนลายแตกนั้น เลือกใช้พู่กันขนาดเล็ก และเขียนลายตารางสี่เหลี่ยมหรือห้าเหลี่ยมที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดโดยไม่ต้องเป็นระเบียบมากนัก และพยายามเขียนให้เส้นนั้นชัดเจนและมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป


This painting gradient will simulate the light and shadow effect on the surface and prevent drawing details on  the banner from appearing flat.
In this picture, the edge on the raise area had a light colored crack and gradually darker down into the recesses area.
 
วิธีการเพนท์ลวดลายแบบไล่สีนี้ จะช่วยจำลองแสงเงาที่ตกกระทบลงบนพื้นผิวและทำให้ผืนธงนั้นไม่ดูแบนเรียบ ในภาพจะเห็นส่วนที่นูนที่สุดจะมีลายแตกที่สีอ่อนและสีของลายแตกจะค่อยๆเข้ม ลงไปในส่วนที่อยู่ต่ำกว่า


Last step is to wash all areas to blend the colors by using black and brown in the recesses area and highlight colors from previous step in the raised area. 
Applied it for 2-3 layers until all of the colors look smooth.

จากนั้นใช้สีที่อ่อน นำมาผสมน้ำให้มากหน่อย และนำมาวอชในบริเวณสันนูนเพื่อให้สีของลายแตกนั้นดูกลมกลืนเข้าด้วยกัน และใช้สีเข้มมาวอชในบริเวณที่ต่ำกว่าหรือตามร่อง เพื่อจำลองแสงเงาอีกที


The finished piece after sprayed super flat clear from GSI Color.

ภาพผลงานที่เสร็จแล้วหลังจากพ่นเคลือบด้วยเคลียร์ด้านของกันเซ่



Saturday, October 13, 2012

Tutorial: How to make a snow-covered cliff (3)

15. I begin making the snow by starting with icicles. I discovered this technique from reading David Soper’s Blog (Sproket's Small World - making icicles) and it is indeed very useful. You can read it below;
- Clear plastic sheet is cut into many small triangular shapes of various sizes. Attach them to left over runner sprue.
- Apply Vallejo Water Effect, concentrating more on the base than the tip.
- Leave the Water Effect to fully cure for 24 hours. After it completely dries, the water effect would be clear and have rough icicle-like texture. It may happen that the water effect might have flattened in some areas or the icicles are smaller than you want them to be, this can be fixed by adding more water effect to it and leave it to dry.
As you can see from the picture, the large icicles on the right side still looks murky as it hasn’t fully cured. The more you apply water effect, the longer it takes them to fully dry.

15. ส่วนขั้นตอนการทำหิมะ เริ่มด้วยการทำส่วนของแท่งน้ำแข็งย้อยก่อน ผมพบวิธีการนี้จากบล็อกของ David Soper (Sproket's Small World - making iciclesและมันเป็นประโยชน์มากๆ วิธีการคือ
- ตัดแผ่นพลาสติกเป็นรูปสามเหลี่ยมหลายๆขนาด แล้วติดลงบนแกนพลาสติกที่ไม่ได้ใช้
- จากนั้นใช้ Vallejo water effect มาทาให้ทั่วโดยให้ส่วนโคนนั้นหนาและเรียวลงไปยังส่วนปลาย
- หลังจากทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง เมื่อแห้งแล้ว water effect นั้นจะใสและได้รูปทรงขรุขระเหมือนกับแท่งน้ำแข็งแต่บางส่วนอาจจะยุบตัวลง ให้ทาซ้ำอีกรอบ จนกว่าจะได้ความหนาของแท่งน้ำแข็งที่พอใจ
ในภาพจะเห็นแท่งน้ำแข็งอันใหญ่ยังดูขุ่นๆอยู่ เพราะยังแห้งไม่สนิท ยิ่งทาทับกันหนามากๆ ก็จะยิ่งแห้งช้าลง


16. For the snow on the ground, I use Baking Soda (Sodium Bicarbonate) mixed with PVA glue. I apply the mix over areas primed in white. It takes more than just one pass to create the depth of snow I’m going for.

16. การทำหิมะผมใช้ Baking Soda (Sodiumbicarbonate) ผสมกับกาวลาเท็กซ์และน้ำ ทาทับบนบริเวณหิมะที่พ่นสีขาวไว้ วิธีการนี้คงจะต้องทาทับกันหลายรอบหน่อยจนกว่าจะได้ความหนาของหิมะที่พอใจ


17. The icicles are attached to the underside of the overhanging rock. Water effect is then applied to cover the seams between the snow and icicles.

17. นำแท่งน้ำแข็งย้อยไปติด และใช้ water effect มาทาทับบริเวณโคนอีกครั้ง เพื่อเชื่อมรอยต่อระหว่างน้ำแข็งและหิมะ


18. This is the look of the finished cliff. You may notice that the snow seems to still be wet. That’s because it takes a few hours for the snow paste to dry. Once dried, the flakes of the snow can be  observed more easily.

18. เมื่อทำหิมะและติดแท่งน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว ในภาพนั้นจะดูเปียกแฉะเพราะยังไม่แห้งสนิทดี ต้องทิ้งไว้หลายชั่วโมง จึงจะแห้งสนิทและมองเห็นเกล็ดของหิมะได้ชัดขึ้น


19. While the snow is half damp, I cut the wood into the shape of Lord of the Gabrax’s hoof, attach it to the needle, and press it onto the snow to create footprints.

19. ช่วงที่ยังไม่แห้งนี้ ผมตัดเศษไม้เป็นรูปขาของตัวฟิกเกอร์ ติดเข้ากับปลายเข็มและนำไปกดให้เป็นรอยย่ำอยู่บนหิมะ


20. Vallejo Gloss Varnish is added to the baking soda snow paste to prevent the snow looking too dried once finished.

20. ผสม Vallejo Gloss Varnish เพิ่มเข้าไปใน  baking soda เพื่อให้หิมะนั้นไม่ดูแห้งเกินไปเมื่อเสร็จแล้ว


21. The figure of Lord of Gabrax is attached to the scenic base. Baking Soda mix prepared in step 20 is applied around the hooves as well as some parts of the leg. Snow in other areas is also leveled by adding a little water. Water helps prevent baking soda from forming lumps and help creating a smooth finish.

21. นำตัวฟิกเกอร์ไปติด และทา baking soda รอบๆเท้า และบางส่วนของขา และทาเกลี่ยหิมะในส่วนอื่นๆให้เรียบเนียน โดยการใช้น้ำช่วยจะทำให้เบคกิ้งโซดานั้นไม่เกาะเป็นก้อนและช่วยให้หิมะนั้นกลายเป็นผิวเรียบได้ง่ายขึ้น



22. Finally, use the pin to remove excess snow from the hooves, so that it looks like the miniature is pressing his hooves into the snow. The piece is now done.

22. สุดท้าย เอาเข็มหมุดมาเขี่ยหิมะที่ติดกับเท้าออก เพื่อให้เท้านั้นดูมีน้ำหนักที่กดลงบนพื้นหิมะ เป็นอันเสร็จ




Apart from this technique of using DAS Modelling Clay to create realistic rock formations, there are also other techniques you could use as well; such as using tree barks, rock molds available for railroad models, plaster carving/sculpting techniques, or even using realistic rocks in your piece. Each of these techniques yield different results, it is up to you which one you’ll choose to match your style/techniques or preference. I hope this article is useful and fun to read. I’ll see you again next time!

นอกจากวิธีการทำหน้าผาหินด้วย Das Modelling Clay แล้ว วิธีการอื่นๆที่ผมเคยอ่านเจอจากสื่อต่างๆ  จะมีทั้งการใช้ผิวของไม้เปลือกแข็ง การใช้แบบพิมพ์หน้าผาของโมเดลรถไฟ การปั้นหรือแกะสลักจากปูน หรือแม้แต่การเอาหินจริงๆมาจัดวาง ทั้งหมดนั้นก็จะให้ผลลัพท์ที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่เราจะเลือกใช้วิธีการไหนที่เหมาะสมกับการทำงานของเรา หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์นะครับ

Friday, October 12, 2012

Tutorial: How to make a snow-covered cliff (2)

7. Using the airbrush, the cliff section was primed black, while the snow covered grounds are primed white.

7. การทำสีเริ่มต้นจากใช้ airbrush พ่นสีรองพื้นส่วนหน้าผาด้วยสีดำ และพ่นส่วนหิมะด้วยสีขาว


8. Mr. Hobby (GSI Creos) colour no. 40 German Grey is mixed with no. 313 Yellow FS33531 and drybrushed over the rock area to imitate the first layer of shadow.

8. ใช้สี GSI เบอร์ 40 German Grey ผสมกับเบอร์ 313 Yellow FS33531 นำมาดรายบรัชในส่วนของหินทั้งหมด เพื่อจำลองส่วนของแสงในชั้นแรก


9. Mr. Hobby no. 42 Mahogany is added to the mix used earlier to help lighten the tone. It is then drybrushed over the area, leaving only the darkest recesses.

9. นำสีน้ำตาลเบอร์ 42 Mahogany มาผสมเพิ่มเข้าไป และเติมสี 313 ให้สีอ่อนขึ้น แล้ว ดรายบรัช drybrush ทับอีกรอบ โดยเว้นในส่วนของร่องเงาเอาไว้


10. The third layer of drybrush is done by adding white into the mix. Focusing only the areas where light would fall, the edges and ridges of the rock formation are drybrushed. As I intend to imitate the light coming from the upper right direction (shown by blue arrow), the shadows would mostly fall towards the lower left direction (see red arrow). This technique of “light source” helps making the cliff look less flat.

10. ผสมสีขาวเพิ่ม แล้วดรายบรัชเป็นชั้นที่ 3 โดยในรอบนี้จะเน้นการดรายบรัชเฉพาะส่วน เฉพาะบริเวณส่วนสันของก้อนหินในจุดต่างๆ   ซึ่งผมได้กำหนดทิศทางของแสงให้ส่องจากทางด้านบนขวามือของภาพ (ลูกศรน้ำเงิน) ดังนั้นบริเวณของเงาจึงเกิดอยู่ในบริเวณด้านใต้เยื้องไปซ้ายมือ (ลูกศรแดง) วิธีการนี้จะช่วยให้สีของหน้าผานั้นดูมีแสงและเงาที่ส่องกระทบอยู่ และทำให้หน้าผาไม่ดูแบน


11. I begin weathering the cliff using MIG pigment mixed with Pigment Fixer. The mix is applied and left to dry.

11. จากนั้นทำการ weathering (การทำคราบสกปรก) ด้วยสี pigments ของ MIG ผสมกับ Pigment Fixer ทาให้ทั่วส่วนของหิน และทิ้งไว้ให้แห้ง


12. Using Windsor & Newton Raw Umber (no.35) mixed with turpentine, I create the oil wash. This is then applied to the whole area, with more emphasis in areas such as crevices where shadow falls.

12. จากนั้นใช้สีน้ำมัน Raw Umber ผสมกับ turpentine นำมา wash ให้ทั่วอีกครั้ง และทาเน้นในบริเวณร่องเงาต่างๆ เพื่อให้ส่วนเงานั้นเด่นชัดขึ้น


13. The snowy ground was painted by using white colour from MAX.

13. ทาเก็บสีของหิมะ ด้วยสีขาว MAX


14. For highlighting, diluted white paint is applied to add some details to the rock using fine brush. I focus only on some edges of the rock, not all of them. Using diluted paint make the results not too opaque, allowing a more natural colour dimension as the white don’t ‘pop out’ too much.

14. ใช้สีขาวที่ผสมให้สีนั้นเจือจาง ทาเก็บรายละเอียดของแสงบนก้อนหินอีกครั้งด้วยพู่กันขนาดเล็ก โดยทาเน้นเฉพาะบริเวณสันของก้อนหินในบางจุด ไม่ต้องทาทั้งหมด ซึ่งการผสมให้สีเจือจาง จะทำให้เวลาทานั้นสีจะไม่ทึบในทีเดียว สีขาวจึงไม่ดูโดดออกมาและช่วยให้เกิดมิติของสีได้ดีกว่า


Thursday, October 11, 2012

Tutorial: How to make a snow-covered cliff (1)

(Translated by Krittadhi Boonvichitr (Independent Translator) 

Once again, I will make a tutorial on how to create a snow covered cliff by using the Lord of Gabrax’s display base as an example.  As the idea was to create a display base that would make the miniature stand out, the theme of mountain cliff was used. I made the cliff a bit high with the top end looking like overhanging rocks, so that there’s some space underneath to add in some icicles. This way I could make the display base more detailed. The base would then be covered in snow to make the base become more ‘in line’ with the overall image and feel of the miniature.
You can find images of the finished project by following the link [HERE].

การทำหน้าผาที่ปกคลุมด้วยหิมะ
ผมนำภาพขั้นตอนและวิธีการทำฐานของ Lord of the Gabrax  มาให้ได้ชมกันอีกครั้ง โดยแนวคิดในการทำฐานชิ้นนี้ มาจากผมต้องการที่จะให้ส่วนของฐานนั้นช่วยให้ตัวมินิดูโดดเด่นขึ้น จึงทำออกมาเป็นลักษณะของหน้าผาหินที่มีความสูงจากพื้นพอประมาณ และจัดวางให้ลักษณะของหน้าผานั้นมีส่วนของชะง่อนหินที่ยื่นออกมาสำหรับการติดแท่งน้ำแข็งย้อย เพื่อให้ตัวฐานนั้นดูมีรายละเอียดมากขึ้น และทำออกมาในลักษณะของฐานแบบมีหิมะปกคลุมให้ดูสอดคล้องไปกับอิมเมจของตัวมินิ
ส่วนภาพผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วคลิ๊กเข้าไปชมได้ ที่นี่ ครับ

1.The most important part in creating this scenic base is to recreate the look of the cliff and make it look as realistic as possible. I’ve found that DAS Modelling Clay is perfect for making this. After leaving the clay exposed to the air for a while, the clay will harden. This makes it easy to break the clay into chunks or sheets, creating uneven texture – much like natural rocks. The longer you left the clay exposed to air, the easier it takes to break the clay. However, should you leave the clay exposed for too long (over an hour) it will be hard as stone, making the clay nigh impossible to break. (Especially if it’s still in its original packing)

1. ขั้นตอนสำคัญของการทำฐานนี้ คือการจำลองลักษณะของหน้าผาหินให้ดูใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด ผมพบว่า DAS Modelling Clay เมื่อผึ่งลมไว้ซักพัก ดินจะเริ่มแข็งตัวทำให้บิดินออกเป็นก้อนหรือเป็นแผ่นได้ง่าย และจะมีลักษณะผิวที่ขรุขระแบบในรูปคล้ายกับพื้นผิวของก้อนหินครับ ยิ่งดินแข็งตัวมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งบิออกจากกันได้ง่ายขึ้น  แต่ถ้าทิ้งไว้นานเกิน(เป็นชั่วโมง) ดินจะแข็งมากเกินไปจนบิออกจากกันได้ยาก (โดยเฉพาะถ้ายังเป็นก้อนสีเหลี่ยมที่โดนอัดแน่นมาในห่อ)


2. Break the clay into multiple small chunks, this will help create the uneven depth of the rocks. Attach the clay to the polystyrene core which was prepared. This process maybe time consuming as you will need to experiment with each piece of clay to find the right one that will fit naturally. When attaching the clay to the foam core, attach the clay so that the crackling pattern lay horizontally. This will make it easier to ‘merge’ each piece into one solid rock.

2. บิดินออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ เพราะต้องการให้มีพื้นผิวของหน้าผาที่สูงต่ำไม่เท่ากัน และนำไปติดลงบนฐานโฟมที่เตรียมไว้ ขั้นตอนนี้จะคล้ายๆกับการจัดเรียงจิ๊กซอว์ โดยบิดินเอาไว้หลายๆก้อน แล้วเลือกชิ้นที่ดูเข้ากันได้นำไปจัดวางทีละก้อน  โดยให้ลักษณะของลายแตกบนดินนั้นวางเป็นแนวนอนไปในทางเดียวกัน จะได้เชื่อมต่อลายกันได้สะดวก


3. After gluing all the pieces together, the look of the cliff begins to form. Sections of the clay that protrude over the area outlined by the plinth are removed.

3. เมื่อวางเรียงทั้งหมดแล้ว จะเห็นลักษณะผิวของดินที่ดูแล้วคล้ายๆกับก้อนหิน แล้วค่อยตัดส่วนที่ยื่นเกินออกมาให้เรียบเสมอขอบของฐาน



4. Using soft DAS Modelling Clay, the gaps between the pieces are filled. Water is used to soften the clay to make things easier. Use sharp end of the tweezer to create lines by scraping the clay horizontally. This will help create texture and blend each piece of clay into larger rock formation.

4. จากนั้นนำดินปั้น DAS ที่ยังนิ่มๆอยู่มาปั้นและอุดลงไปตามร่อง ใช้น้ำช่วยเกลี่ยให้ดินเหลวขึ้นและเอาปลายของปากคีบ มาขูดๆและลากไปตามแนวนอน เพื่อให้เกิดผิวที่ขรุขระและรอยต่อต่างๆนั้นจะเชื่อมเข้าด้วยกันดูเป็นหินก้อนใหญ่


5. Once all the gaps are filled and satisfied with the look of the cliff, I start building a snow covered ground both at the bottom and on the top of the cliff. DAS Modelling Clay is attached and then shaped to merge it into the overall look of the cliff by using wet paintbrush. This will serve as the base layer for the snow covered area.

5. เมื่ออุดรอยต่อต่างๆบนหน้าผาเรียบร้อยแล้ว ส่วนด้านบนหน้าผาและด้านล่างนั้นผมจะทำเป็นพื้นหิมะ เลยเอาดินมาแปะเป็นก้อน แล้วใช้พู่กันจุ่มกับน้ำมาทาเกลี่ยให้ดินนั้นเหลวและเชื่อมเข้าด้วยกัน จนดูเรียบเนียนเหมือนกับหิมะที่ปกคลุมอยู่ครับ



6. The base is then left alone overnight. The clay is now fully cured and will not break like paper clay (clay with a mixture of paper pulp). At this stage, the edges of the base are sanded and is now ready to be painted.

6. หลังจากทิ้งไว้หนึ่งคืนให้ดินแห้งสนิท ดินปั้น DAS จะคงรูปและไม่แตกเป็น ร่องเหมือนกับดินเยื่อกระดาษ จากนั้นขัดเก็บขอบให้เรียบร้อย ก็พร้อมสำหรับ การนำไปทำสีครับ