I am going to start a new section on my blog "Book Reviews" in order to recommend the books that inspire me in terms of AFV Modelling, Weathering Models, Building Dioramas, and Figure Painting.
The review will usually be written in Thai because I think most of the books I am going to review they already have some nice reviews in English. Hence I will post the links to English reviews and where to buy the books in case you are interested. I will post my first book review soon and hope this new section will be useful or inspire you as well.
เร็วๆนี้ผมจะเพิ่มส่วนของการรีวิวหนังสือลงในบล็อก เพื่อแนะนำหนังสือเกี่ยวกับการทำโมเดลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผม และให้ความรู้ในการทำงานโมเดลด้านต่างๆ ทั้งการทำยุทธยานยนต์ (AFV Modelling) การทำให้ผ่านสภาพการใช้งาน (Weathering Models) การสร้างฉากจำลอง (Building Dioramas) และการเพนท์สีบุคคลจำลอง (Figure Painting) ซึ่งผมคงจะลงภาพตัวอย่างของหนังสือและสถานที่สำหรับสั่งซื้อไว้ให้ด้วย
หวังว่าส่วนที่เพิ่มเข้ามาใหม่นี้คงจะเป็นประโยชน์หรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย ส่วนรีวิวหนังสือเล่มแรกคงจะโพสลงในบล็อกเร็วๆนี้ครับ
Wednesday, September 28, 2016
Tuesday, September 20, 2016
Orruk Megaboss (part 6)
After finished painting the lower body, I glued the torso armor (chest and shoulders) and filled the gaps with putty. I had an idea of adding a battle standard on the back of orruk from the beginning of this project, but It was postponed because I was waiting for Stormcast Eternals Liberators parts to use as a decoration.
The battle standard was made from rolled Magic Sculpt then cut out a rectangle shape and used art knife to make wear and tear on the edges. I left it for 30 minutes to harden a bit then put it on plastic rod, adjust it in a wavy shape and try to make it stay in this position until completely dry. After that it was decorated with plastic sheet, copper wire, small chains, skulls and Liberators head.
หลังจากเพนท์ส่วนของเกราะช่วงล่างเสร็จแล้ว ผมนำเกราะส่วนลำตัวมาประกอบเข้าไปและอุดรอยต่อด้วยทามิย่าพุตตี้ ส่วนธงบนหลังทำมาจาก Magic Sculpt นำไปรีดให้เป็นแผ่นและตัดตามทรงที่ต้องการ จากนั้นติดลงบนพลาสติกแท่งแล้วจัดให้เป็นทรงคลื่นเหมือนกับธงที่โดนลมพัด และทิ้งไว้จนแห้งสนิท สุดท้ายใช้แผ่นพลาสติก ลวดทองแดง โซ่ขนาดเล็กและชิ้นส่วนโมเดลอื่นๆมาตกแต่งอีกทีครับ
The battle standard was made from rolled Magic Sculpt then cut out a rectangle shape and used art knife to make wear and tear on the edges. I left it for 30 minutes to harden a bit then put it on plastic rod, adjust it in a wavy shape and try to make it stay in this position until completely dry. After that it was decorated with plastic sheet, copper wire, small chains, skulls and Liberators head.
หลังจากเพนท์ส่วนของเกราะช่วงล่างเสร็จแล้ว ผมนำเกราะส่วนลำตัวมาประกอบเข้าไปและอุดรอยต่อด้วยทามิย่าพุตตี้ ส่วนธงบนหลังทำมาจาก Magic Sculpt นำไปรีดให้เป็นแผ่นและตัดตามทรงที่ต้องการ จากนั้นติดลงบนพลาสติกแท่งแล้วจัดให้เป็นทรงคลื่นเหมือนกับธงที่โดนลมพัด และทิ้งไว้จนแห้งสนิท สุดท้ายใช้แผ่นพลาสติก ลวดทองแดง โซ่ขนาดเล็กและชิ้นส่วนโมเดลอื่นๆมาตกแต่งอีกทีครับ
Saturday, September 3, 2016
เรื่องของสินค้าโมเดลละเมิดลิขสิทธิ์
ผมเห็นเรื่องการขายฟิกเกอร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในเฟซบุ๊คมาได้สักพักแล้ว และตัดสินใจอยู่นานว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้ดีหรือเปล่า เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและอาจจะกระทบต่อใครหลายๆคน แต่คิดว่าเรื่องบางเรื่องนั้นหากปล่อยไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลยมันอาจจะสร้างผลร้ายมากกว่าผลดี สุดท้ายก็เลยตั้งใจที่จะเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดมุมมองของตัวเองที่มีต่อเรื่องนี้ ให้ทุกท่านได้รับรู้ ได้ลองอ่านและพิจารณากันดูครับ
ซึ่งเหตุผลที่ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรที่จะปล่อยผ่านไป ไม่ใช่เพราะตัวเองเป็นคนดี อยากเป็นฮีโร่ หรืออยากให้คนมาสนใจกดไลค์กดแชร์เพราะต้องการมีชื่อเสียง (แบบที่บางคนชอบยัดเยียดสถานะเหล่านี้ให้คนที่มีความคิดต่างออกไป) แต่เพราะผมมองว่าเรื่องแบบนี้ถ้าปล่อยผ่านไป มันอาจจะส่งผลกระทบต่อส่วนรวมในระยะยาว และเป็นการทำร้ายวงการโดยเฉพาะกลุ่มคนเล่นฟิกเกอร์ให้ต้องย่ำอยู่กับที่กันแบบนี้ต่อไป เนื่องจากในอดีตนั้นเคยมีเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้เกิดขึ้นมาแล้ว และทำให้ร้านค้าที่ขายสินค้าลิขสิทธิ์นั้นต้องปิดตัวลง สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้านำสินค้าลิขสิทธ์มาขายหรือเป็นตัวแทนจำหน่ายอีก เนื่องจากงานฟิกเกอร์เป็นโมเดลที่ทำลอกเลียนได้ง่ายที่สุด จึงเสี่ยงต่อการขาดทุนสูงหากมีคนนำสินค้าปลอมแบบเดียวกันมาขาย หรือแย่ยิ่งกว่าหากสินค้าที่ตัวเองขายนั้นโดนคนที่มาซื้อนำไปทำเลียนแบบอีกที
นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลุ่มคนเล่นฟิกเกอร์ในบ้านเรานั้น ยังคงเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆที่สนใจโมเดลประเภทนี้ เพราะข้อจำกัดในการเลือกซื้อสินค้าที่มีน้อยเหลือเกิน ทั้งๆที่ยี่ห้อที่ทำฟิกเกอร์ในต่างประเทศนั้นมีมากมายหลายสิบยี่ห้อ แต่มีเพียงฟิกเกอร์พลาสติกไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้นที่มีให้เลือกซื้อในบ้านเรา และก็คงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนาน หากปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้นยังไม่ถูกแก้ไข
ดังนั้นการที่จะสนับสนุนหรือเห็นด้วยกับการขายสินค้าฟิกเกอร์ละเมิดลิขสิทธิ์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องในมุมมองของผมเอง และการรณรงค์ให้คนเข้าใจถึงความสำคัญในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ และเลิกสนับสนุนสินค้าประเภทนี้ น่าจะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวและช่วยให้วงการนั้นเติบโตและพัฒนาขึ้นได้ในอนาคต
แน่นอนว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะต้องยอมรับว่าในบ้านเรานั้นเคยชินกับเรื่องของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในของทุกประเภทกันมาอย่างยาวนานนับสิบปี จนหลายๆคนมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่ใครๆเขาก็ใช้เขาก็ขายกัน แต่อยากให้เข้าใจว่า การที่เราเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรที่จะสนับสนุน
ตัวผมเองเข้าใจดีถึงเรื่องของความเคยชินในการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะเติบโตมาในสังคมแบบที่ทุกคนใช้ของปลอมกันเป็นเรื่องธรรมดา และตัวเองก็เคยซื้อฟิกเกอร์ละเมิดลิขสิทธิ์มาก่อน แม้จะเพียงแค่ไม่กี่ชุด แต่ก็เรียกได้ว่าตัวเองก็เคยเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนสินค้าประเภทนี้ และคงมีส่วนทำให้ร้านค้าเหล่านั้นต้องปิดตัวไปด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมจึงเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นั้นผิด และทำให้ผมนึกถึงตัวเองที่เคยด่านักการเมือง ด่าข้าราชการต่างๆ ที่โกงกินบ้านเมือง เอารัดเอาเปรียบคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่พอกลายเป็นเรื่องของตัวผมเองที่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง กลับเลือกที่จะเอาผลประโยชน์เข้าตัวเสียเอง โดยที่ไม่สนใจว่าจะเป็นการเอาเปรียบคนอื่นหรือเปล่า แล้วอย่างนี้ตัวเองจะต่างกับคนที่เคยด่าไว้อย่างไร นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะไม่อยากจะเป็นคนที่ทำตัวสองมาตราฐานเสียเอง ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่ตัวเราเองนั้นรู้ดีแก่ใจ และผมคงจะไม่มีหน้าไปอบรมสั่งสอนลูกๆหลานๆในอนาคตถึงเรื่องของความซื่อสัตย์ได้ หากตัวเองยังไม่สามารถทำมันได้จริง
ที่สำคัญ หากลองคิดวิเคราะห์ดูดีๆถึงสาเหตุที่เราซื้อฟิกเกอร์ละเมิดลิขสิทธิ์นั้น เป็นเพราะว่าเราไม่มีเงินที่จะซื้อของแท้จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ความโลภของตัวเราเอง ที่อยากจะได้ฟิกเกอร์แบบเดียวกับของแท้ในราคาที่ถูกกว่าเท่าตัว (ทำให้รู้สึกว่ามันคุ้มเพราะสามารถซื้อได้ถึงสองตัวในราคาเท่ากับของแท้ตัวเดียว) เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว ราคาฟิกเกอร์ของแท้นั้นไม่ได้แพงจนคนทั่วไปไม่สามารถจับต้องได้ แบบราคาหลักหมื่นหรือหลักแสนต่อตัว แต่มันมีราคาเพียงแค่ตัวละไม่กี่ร้อย หรืออย่างมากก็ไม่กี่พัน หากคุณมีงานมีเงินเดือนแบบชนชั้นกลางทั่วไป มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินตัวที่จะซื้อฟิกเกอร์ของแท้มาเล่นกัน
ตัวผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน ไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัวใช้หรือมีบ้านเป็นของตัวเอง สถานะเป็นเพียงชนชั้นกลางทั่วๆไป แต่การที่ตอนนี้ผมสามารถเล่นฟิกเกอร์ของแท้ได้ เพราะผมรู้จักเก็บออมและเลือกซื้อเฉพาะตัวที่เราถูกใจและพอซื้อไหวแค่นั้นเอง ดังนั้นการเล่นฟิกเกอร์ของแท้มันจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินเอื้อมสำหรับคนทั่วๆไปหากตั้งใจที่จะซื้อมันจริงๆ อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกทำมันหรือเปล่าเท่านั้น
นอกจากนี้ การเล่นสินค้าของแท้นอกจากจะเป็นการช่วยสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตให้มีรายได้ในการนำไปพัฒนาและผลิตสินค้าใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อตัวคนเล่นเองมากกว่าในแง่ของการทำงานด้วย เพราะคุณภาพในการหล่อชิ้นงานเรซิ่นของบริษัทฟิกเกอร์ต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทรุ่นใหม่ๆอย่าง Alpine, Evolution, Mantis, Bravo 6 ฯลฯ นั้นสามารถทำออกมาได้ดีมาก เพราะใช้เรซิ่นคุณภาพดีและมีข้อบกพร่องจากการหล่อบนชิ้นงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้สะดวกต่อโมเดลเลอร์ที่ซื้อชิ้นงานไปสามารถนำไปประกอบได้โดยไม่ยุ่งยาก และพร้อมที่จะนำไปทำสีต่อได้ภายในเวลาไม่นาน
ต่างจากของปลอมที่มักจะมีปัญหาในเรื่องของคุณภาพเรซิ่นที่ไม่ได้มาตราฐาน แข็งเกินไปหรือนิ่มเกินไป และคุณภาพการหล่อที่ไม่ดีพอทำให้เกิดรูจากฟองอากาศบนชิ้นงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการหดตัวของซิลิโคนและเรซิ่นในทุกครั้งที่ทำการหล่อชิ้นงาน ทำให้ชิ้นงานที่ออกมามีสัดส่วนที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นแบบ เช่น ดูลีบ หรือสัดส่วนดูผอมยาวกว่า การทำของปลอมจึงไม่สามารถเลียนแบบชิ้นงานให้สมบูรณ์เหมือนกับงานของแท้ที่เป็นต้นแบบได้ และทำให้คนที่ซื้อไปต้องเสียเวลาแก้ไขชิ้นงานให้ดีขึ้น ซึ่งก็อาจจะไม่สามารถทำออกมาให้ดูดีสมส่วนได้เหมือนกับของแท้ โดยเฉพาะถ้าไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมากพอ และอาจจะทำให้รู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้กับการทำงานฟิกเกอร์ มากกว่าที่จะรู้สึกสนุกกับมัน
และถึงแม้จะมีสินค้าของปลอมที่ทำออกมาได้คุณภาพดีใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับสินค้าของแท้ แต่ในแง่ของความของภูมิใจในชิ้นงานเมื่อทำเสร็จนั้นมันไม่สามารถเทียบกันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการแสดงผลงานให้คนอื่นเห็นในชุมชนออนไลน์ต่างๆที่มีชาวต่างชาติร่วมอยู่ด้วย คุณจะไม่สามารถบอกกับคนอื่นๆได้อย่างภูมิใจว่างานของคุณเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะมันเป็นเรื่องน่าละอายในสายตาของชาวต่างชาติจำนวนมาก มากกว่าจะมายกย่องชื่นชมไม่ว่าคุณจะทำผลงานชิ้นนั้นออกมาได้ดีมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วของปลอมก็เป็นเพียงของเลียนแบบที่ไม่สามารถสร้างคุณค่าต่อเจ้าของผลงานได้เท่ากับของแท้อยู่ดี
ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมา ด้วยต้องการให้คนเล่นโมเดลรุ่นใหม่ๆที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้อ่านและรับรู้ถึงปัญหานี้ และหวังให้ทุกคนเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์กันมากขึ้น เพราะในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆเรานั้นพัฒนาวงการโมเดลไปสู่ระดับนานาชาติกันเรียบร้อย และเกิดบริษัทผู้ผลิตสินค้าโมเดลหน้าใหม่ที่มาจากเอเชียมากมาย แต่ในบ้านเรานั้นยังคงย่ำอยู่กับที่แบบเดิมมานับสิบปี และมันคงยากที่จะดีขึ้นหรือพัฒนาขึ้นได้ถ้าเรายังมองว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญและไม่คิดที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ผ่านไปอีกสิบปีข้างหน้าก็คงจะยังมีปัญหานี้ให้เห็นอยู่เช่นเดิมแบบที่มันเป็นมาตลอดช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
หากมีคนบอกว่าการหาของปลอมหรือทำของปลอมราคาถูกมาให้เล่นกันได้อย่างทั่วถึงนั้นเป็นการสนับสนุนวงการ นั่นเป็นเพียงเหตุผลที่พูดเข้าข้างตัวเองเพื่อให้ดูดี เพราะสุดท้ายแล้วการค้าขายนั้นมีเพียงจุดประสงค์เดียวคือเรื่องของผลกำไร คงไม่มีใครคิดที่จะขายสินค้าที่ทำให้ตัวเองนั้นขาดทุน หรือไม่ให้ผลกำไรใดๆกับตัวเอง และไม่ว่าจะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน การขายของเลียนแบบโดยที่เจ้าของลิขสิทธ์ไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆเลยนั้น ไม่ควรเรียกว่าเป็นการสนับสนุนวงการ แต่เป็นการทำให้มันแย่ลงเสียมากกว่า และการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นแบบนี้มันคงไม่ต่างอะไรกับการทำนาบนหลังคน มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องที่ควรสนับสนุน แต่ควรทำให้มันหมดไป และควรทำให้คนที่ต้องการจะซื้อสินค้าประเภทนี้ ได้ตระหนักว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการทำนาบนหลังคนด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ไม่นานผมเห็นคนจำนวนมากแชร์วีดีโอเรื่องของจิตสำนึกของคนไทยแบบที่เรียกว่า "ไทยจ๋า" ในการใช้รถใช้ถนนที่นึกถึงความสะดวกสบายของตัวเองเป็นหลัก โดยที่ไม่สนใจในความเดือดร้อนของคนอื่น ซึ่งถ้ามองในบริบทของคำว่าจิตสำนึกที่ดีแล้ว เรื่องของการใช้รถบนท้องถนนและเรื่องของการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่มีปัญหาแบบเดียวกัน ที่ต้องใช้การสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่ทุกคนเพื่อทำให้ปัญหานี้ทุเลาหรือหมดไป ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดๆก็ตามให้ดีขึ้นมันจึงสามารถเป็นจริงได้หากทุกคนพร้อมใจร่วมมือกัน และมันเริ่มต้นได้ง่ายๆโดยเริ่มที่ตัวเราเองเป็นอันดับแรกครับ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้ ไม่ว่าอ่านจบแล้วท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เพราะมันได้ทำหน้าที่ในการนำเสนอความคิดของผมเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของตัวท่านเองว่าจะมองเรื่องนี้ในแบบไหน และจะนำไปปฏิบัติต่อไปหรือไม่ อย่างไร ทั้งหมดอยู่ที่ตัวท่านเองครับ
และผมต้องขอโทษเป็นอย่างสูงเช่นกัน หากทำให้บางท่านไม่สบายใจจากบทความนี้เพราะมีมุมมองต่อเรื่องนี้ไม่ตรงกัน หากลำบากใจที่จะต้องคงความเป็นเพื่อนกันในเฟซต่อไป ท่านสามารถลบความเป็นเพื่อนออกไปได้ตามสะดวกครับ ผมเข้าใจดีและไม่ได้ถือโทษโกรธใดๆครับ
และหากต้องการแสดงความคิดเห็นใดๆเพิ่มเติมกัน ก็สามารถแสดงได้เต็มที่ด้วยความสุภาพในโพสนี้เลยครับ
ซึ่งเหตุผลที่ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรที่จะปล่อยผ่านไป ไม่ใช่เพราะตัวเองเป็นคนดี อยากเป็นฮีโร่ หรืออยากให้คนมาสนใจกดไลค์กดแชร์เพราะต้องการมีชื่อเสียง (แบบที่บางคนชอบยัดเยียดสถานะเหล่านี้ให้คนที่มีความคิดต่างออกไป) แต่เพราะผมมองว่าเรื่องแบบนี้ถ้าปล่อยผ่านไป มันอาจจะส่งผลกระทบต่อส่วนรวมในระยะยาว และเป็นการทำร้ายวงการโดยเฉพาะกลุ่มคนเล่นฟิกเกอร์ให้ต้องย่ำอยู่กับที่กันแบบนี้ต่อไป เนื่องจากในอดีตนั้นเคยมีเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้เกิดขึ้นมาแล้ว และทำให้ร้านค้าที่ขายสินค้าลิขสิทธิ์นั้นต้องปิดตัวลง สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้านำสินค้าลิขสิทธ์มาขายหรือเป็นตัวแทนจำหน่ายอีก เนื่องจากงานฟิกเกอร์เป็นโมเดลที่ทำลอกเลียนได้ง่ายที่สุด จึงเสี่ยงต่อการขาดทุนสูงหากมีคนนำสินค้าปลอมแบบเดียวกันมาขาย หรือแย่ยิ่งกว่าหากสินค้าที่ตัวเองขายนั้นโดนคนที่มาซื้อนำไปทำเลียนแบบอีกที
นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลุ่มคนเล่นฟิกเกอร์ในบ้านเรานั้น ยังคงเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆที่สนใจโมเดลประเภทนี้ เพราะข้อจำกัดในการเลือกซื้อสินค้าที่มีน้อยเหลือเกิน ทั้งๆที่ยี่ห้อที่ทำฟิกเกอร์ในต่างประเทศนั้นมีมากมายหลายสิบยี่ห้อ แต่มีเพียงฟิกเกอร์พลาสติกไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้นที่มีให้เลือกซื้อในบ้านเรา และก็คงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนาน หากปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้นยังไม่ถูกแก้ไข
ดังนั้นการที่จะสนับสนุนหรือเห็นด้วยกับการขายสินค้าฟิกเกอร์ละเมิดลิขสิทธิ์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องในมุมมองของผมเอง และการรณรงค์ให้คนเข้าใจถึงความสำคัญในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ และเลิกสนับสนุนสินค้าประเภทนี้ น่าจะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวและช่วยให้วงการนั้นเติบโตและพัฒนาขึ้นได้ในอนาคต
แน่นอนว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะต้องยอมรับว่าในบ้านเรานั้นเคยชินกับเรื่องของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในของทุกประเภทกันมาอย่างยาวนานนับสิบปี จนหลายๆคนมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่ใครๆเขาก็ใช้เขาก็ขายกัน แต่อยากให้เข้าใจว่า การที่เราเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรที่จะสนับสนุน
ตัวผมเองเข้าใจดีถึงเรื่องของความเคยชินในการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะเติบโตมาในสังคมแบบที่ทุกคนใช้ของปลอมกันเป็นเรื่องธรรมดา และตัวเองก็เคยซื้อฟิกเกอร์ละเมิดลิขสิทธิ์มาก่อน แม้จะเพียงแค่ไม่กี่ชุด แต่ก็เรียกได้ว่าตัวเองก็เคยเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนสินค้าประเภทนี้ และคงมีส่วนทำให้ร้านค้าเหล่านั้นต้องปิดตัวไปด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมจึงเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นั้นผิด และทำให้ผมนึกถึงตัวเองที่เคยด่านักการเมือง ด่าข้าราชการต่างๆ ที่โกงกินบ้านเมือง เอารัดเอาเปรียบคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่พอกลายเป็นเรื่องของตัวผมเองที่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง กลับเลือกที่จะเอาผลประโยชน์เข้าตัวเสียเอง โดยที่ไม่สนใจว่าจะเป็นการเอาเปรียบคนอื่นหรือเปล่า แล้วอย่างนี้ตัวเองจะต่างกับคนที่เคยด่าไว้อย่างไร นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะไม่อยากจะเป็นคนที่ทำตัวสองมาตราฐานเสียเอง ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่ตัวเราเองนั้นรู้ดีแก่ใจ และผมคงจะไม่มีหน้าไปอบรมสั่งสอนลูกๆหลานๆในอนาคตถึงเรื่องของความซื่อสัตย์ได้ หากตัวเองยังไม่สามารถทำมันได้จริง
ที่สำคัญ หากลองคิดวิเคราะห์ดูดีๆถึงสาเหตุที่เราซื้อฟิกเกอร์ละเมิดลิขสิทธิ์นั้น เป็นเพราะว่าเราไม่มีเงินที่จะซื้อของแท้จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ความโลภของตัวเราเอง ที่อยากจะได้ฟิกเกอร์แบบเดียวกับของแท้ในราคาที่ถูกกว่าเท่าตัว (ทำให้รู้สึกว่ามันคุ้มเพราะสามารถซื้อได้ถึงสองตัวในราคาเท่ากับของแท้ตัวเดียว) เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว ราคาฟิกเกอร์ของแท้นั้นไม่ได้แพงจนคนทั่วไปไม่สามารถจับต้องได้ แบบราคาหลักหมื่นหรือหลักแสนต่อตัว แต่มันมีราคาเพียงแค่ตัวละไม่กี่ร้อย หรืออย่างมากก็ไม่กี่พัน หากคุณมีงานมีเงินเดือนแบบชนชั้นกลางทั่วไป มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินตัวที่จะซื้อฟิกเกอร์ของแท้มาเล่นกัน
ตัวผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน ไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัวใช้หรือมีบ้านเป็นของตัวเอง สถานะเป็นเพียงชนชั้นกลางทั่วๆไป แต่การที่ตอนนี้ผมสามารถเล่นฟิกเกอร์ของแท้ได้ เพราะผมรู้จักเก็บออมและเลือกซื้อเฉพาะตัวที่เราถูกใจและพอซื้อไหวแค่นั้นเอง ดังนั้นการเล่นฟิกเกอร์ของแท้มันจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินเอื้อมสำหรับคนทั่วๆไปหากตั้งใจที่จะซื้อมันจริงๆ อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกทำมันหรือเปล่าเท่านั้น
นอกจากนี้ การเล่นสินค้าของแท้นอกจากจะเป็นการช่วยสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตให้มีรายได้ในการนำไปพัฒนาและผลิตสินค้าใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อตัวคนเล่นเองมากกว่าในแง่ของการทำงานด้วย เพราะคุณภาพในการหล่อชิ้นงานเรซิ่นของบริษัทฟิกเกอร์ต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทรุ่นใหม่ๆอย่าง Alpine, Evolution, Mantis, Bravo 6 ฯลฯ นั้นสามารถทำออกมาได้ดีมาก เพราะใช้เรซิ่นคุณภาพดีและมีข้อบกพร่องจากการหล่อบนชิ้นงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้สะดวกต่อโมเดลเลอร์ที่ซื้อชิ้นงานไปสามารถนำไปประกอบได้โดยไม่ยุ่งยาก และพร้อมที่จะนำไปทำสีต่อได้ภายในเวลาไม่นาน
ต่างจากของปลอมที่มักจะมีปัญหาในเรื่องของคุณภาพเรซิ่นที่ไม่ได้มาตราฐาน แข็งเกินไปหรือนิ่มเกินไป และคุณภาพการหล่อที่ไม่ดีพอทำให้เกิดรูจากฟองอากาศบนชิ้นงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการหดตัวของซิลิโคนและเรซิ่นในทุกครั้งที่ทำการหล่อชิ้นงาน ทำให้ชิ้นงานที่ออกมามีสัดส่วนที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นแบบ เช่น ดูลีบ หรือสัดส่วนดูผอมยาวกว่า การทำของปลอมจึงไม่สามารถเลียนแบบชิ้นงานให้สมบูรณ์เหมือนกับงานของแท้ที่เป็นต้นแบบได้ และทำให้คนที่ซื้อไปต้องเสียเวลาแก้ไขชิ้นงานให้ดีขึ้น ซึ่งก็อาจจะไม่สามารถทำออกมาให้ดูดีสมส่วนได้เหมือนกับของแท้ โดยเฉพาะถ้าไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมากพอ และอาจจะทำให้รู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้กับการทำงานฟิกเกอร์ มากกว่าที่จะรู้สึกสนุกกับมัน
และถึงแม้จะมีสินค้าของปลอมที่ทำออกมาได้คุณภาพดีใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับสินค้าของแท้ แต่ในแง่ของความของภูมิใจในชิ้นงานเมื่อทำเสร็จนั้นมันไม่สามารถเทียบกันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการแสดงผลงานให้คนอื่นเห็นในชุมชนออนไลน์ต่างๆที่มีชาวต่างชาติร่วมอยู่ด้วย คุณจะไม่สามารถบอกกับคนอื่นๆได้อย่างภูมิใจว่างานของคุณเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะมันเป็นเรื่องน่าละอายในสายตาของชาวต่างชาติจำนวนมาก มากกว่าจะมายกย่องชื่นชมไม่ว่าคุณจะทำผลงานชิ้นนั้นออกมาได้ดีมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วของปลอมก็เป็นเพียงของเลียนแบบที่ไม่สามารถสร้างคุณค่าต่อเจ้าของผลงานได้เท่ากับของแท้อยู่ดี
ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมา ด้วยต้องการให้คนเล่นโมเดลรุ่นใหม่ๆที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้อ่านและรับรู้ถึงปัญหานี้ และหวังให้ทุกคนเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์กันมากขึ้น เพราะในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆเรานั้นพัฒนาวงการโมเดลไปสู่ระดับนานาชาติกันเรียบร้อย และเกิดบริษัทผู้ผลิตสินค้าโมเดลหน้าใหม่ที่มาจากเอเชียมากมาย แต่ในบ้านเรานั้นยังคงย่ำอยู่กับที่แบบเดิมมานับสิบปี และมันคงยากที่จะดีขึ้นหรือพัฒนาขึ้นได้ถ้าเรายังมองว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญและไม่คิดที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ผ่านไปอีกสิบปีข้างหน้าก็คงจะยังมีปัญหานี้ให้เห็นอยู่เช่นเดิมแบบที่มันเป็นมาตลอดช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
หากมีคนบอกว่าการหาของปลอมหรือทำของปลอมราคาถูกมาให้เล่นกันได้อย่างทั่วถึงนั้นเป็นการสนับสนุนวงการ นั่นเป็นเพียงเหตุผลที่พูดเข้าข้างตัวเองเพื่อให้ดูดี เพราะสุดท้ายแล้วการค้าขายนั้นมีเพียงจุดประสงค์เดียวคือเรื่องของผลกำไร คงไม่มีใครคิดที่จะขายสินค้าที่ทำให้ตัวเองนั้นขาดทุน หรือไม่ให้ผลกำไรใดๆกับตัวเอง และไม่ว่าจะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน การขายของเลียนแบบโดยที่เจ้าของลิขสิทธ์ไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆเลยนั้น ไม่ควรเรียกว่าเป็นการสนับสนุนวงการ แต่เป็นการทำให้มันแย่ลงเสียมากกว่า และการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นแบบนี้มันคงไม่ต่างอะไรกับการทำนาบนหลังคน มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องที่ควรสนับสนุน แต่ควรทำให้มันหมดไป และควรทำให้คนที่ต้องการจะซื้อสินค้าประเภทนี้ ได้ตระหนักว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการทำนาบนหลังคนด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ไม่นานผมเห็นคนจำนวนมากแชร์วีดีโอเรื่องของจิตสำนึกของคนไทยแบบที่เรียกว่า "ไทยจ๋า" ในการใช้รถใช้ถนนที่นึกถึงความสะดวกสบายของตัวเองเป็นหลัก โดยที่ไม่สนใจในความเดือดร้อนของคนอื่น ซึ่งถ้ามองในบริบทของคำว่าจิตสำนึกที่ดีแล้ว เรื่องของการใช้รถบนท้องถนนและเรื่องของการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่มีปัญหาแบบเดียวกัน ที่ต้องใช้การสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่ทุกคนเพื่อทำให้ปัญหานี้ทุเลาหรือหมดไป ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดๆก็ตามให้ดีขึ้นมันจึงสามารถเป็นจริงได้หากทุกคนพร้อมใจร่วมมือกัน และมันเริ่มต้นได้ง่ายๆโดยเริ่มที่ตัวเราเองเป็นอันดับแรกครับ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้ ไม่ว่าอ่านจบแล้วท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เพราะมันได้ทำหน้าที่ในการนำเสนอความคิดของผมเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของตัวท่านเองว่าจะมองเรื่องนี้ในแบบไหน และจะนำไปปฏิบัติต่อไปหรือไม่ อย่างไร ทั้งหมดอยู่ที่ตัวท่านเองครับ
และผมต้องขอโทษเป็นอย่างสูงเช่นกัน หากทำให้บางท่านไม่สบายใจจากบทความนี้เพราะมีมุมมองต่อเรื่องนี้ไม่ตรงกัน หากลำบากใจที่จะต้องคงความเป็นเพื่อนกันในเฟซต่อไป ท่านสามารถลบความเป็นเพื่อนออกไปได้ตามสะดวกครับ ผมเข้าใจดีและไม่ได้ถือโทษโกรธใดๆครับ
และหากต้องการแสดงความคิดเห็นใดๆเพิ่มเติมกัน ก็สามารถแสดงได้เต็มที่ด้วยความสุภาพในโพสนี้เลยครับ
Subscribe to:
Posts (Atom)