Reviews : How to Paint Bellerofonte By Francesco Farabi

วันนี้มีหนังสือมารีวิวให้ชมกันครับ เป็นหนังสือ e-book ของ Bellerofonte Studio ในเครือ Kimera Models ซึ่งชื่อของสตูดิโอนี้มีที่มาจากผลงานชื่อเดียวกันคือ Bellerofonte ที่ได้รับรางวัล Best of Show จาก Crystal Brush เมื่อปี 2019 และถูกนำมาผลิตขายในจำนวนจำกัดในเวลาต่อมา ซึ่งผมได้เคยรีวิวฟิกเกอร์ชุดนี้เอาไว้ก่อนหน้านี้ (Click Here for Reviews : Bellerofonte) โดยในตอนที่ซื้อฟิกเกอร์มาก็จะมีระบุเอาไว้ด้วย ว่าจะได้รับไฟล์หนังสือสอนวิธีการทำสีในภายหลัง แต่เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมาจึงทำให้หนังสือเล่มนี้เสร็จล่าช้าไปกว่าเดิมมาก หลังจากที่ผ่านไปเกือบปีจึงพึ่งมีโอกาสได้อ่านและนำมารีวิวให้ชมกันครับ

สำหรับตัวหนังสือนั้นทำออกมาเป็นรูปแบบ e-book ใช้สกุลไฟล์ pdf ขนาด 50.09 mb ในราคา 30€ มีทั้งหมด 112 หน้ากระดาษ โดยเนื้อหาของหนังสือจะอธิบายแนวคิดและวิธีในการลงสี Bellerofonte อย่างละเอียด ตั้งแต่เรื่องของทฤษฎีสี แนวคิดในการสร้างผลงาน การเลือกใช้เทคนิคในการเพ้นท์ วิธีการเพ้นท์ของฟิกเกอร์ทั้งสามตัว Pegasus, Chimera และ Bellerofon รวมไปถึงเรื่องของการเพ้นท์ NMM และ Freehand 

ในภาพรวม หนังสือเล่มนี้จะเน้นอธิบายในเรื่องของแนวคิดในการทำผลงานชิ้นนี้ รวมไปถึงทฤษฎีต่างๆที่นำมาใช้ เพื่อให้ผู้อ่านนั้นได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปและเหตุผลในการเลือกใช้เทคนิคหรือการเลือกใช้สีในส่วนต่างๆ ส่วนวิธีในการทำนั้นจะอธิบายเรื่องของเทคนิคที่ใช้แบบละเอียด ทั้งทฤษฎีในการทำและสีที่เลือกใช้ แต่จะเป็นการอธิบายแบบให้อ่านทำความเข้าใจทั้งหมด แล้วค่อยดูภาพชุดขั้นตอนในการทำเพื่อประกอบความเข้าใจอีกทีในตอนท้าย จะไม่ใช่ภาพขั้นตอนแบบที่อธิบายรายละเอียดของแต่ละภาพว่าทำอย่างไร ดังนั้นในการอ่านบทความจึงต้องมีการเลื่อนดูภาพสลับไปมากับการอ่านเนื้อหาเพื่อทำความเข้าใจ ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจคนที่ชอบอ่านหนังสือแบบที่มี step-by-step อธิบายขั้นตอนในแต่ละภาพอย่างละเอียด

ส่วนตัวแล้วชอบอ่านหนังสือในแบบที่อธิบายถึงแนวคิดในการทำงานแบบนี้มากกว่า เพราะจะช่วยให้เราเห็นถึงวิธีในการคิดและเหตุผลของศิลปินผู้สร้างงาน เพื่อที่เราจะได้นำไปปรับใช้ในการสร้างผลงานของเราเองได้ครับ ส่วนตัวมองว่าแม้การเรียนรู้วิธีในการเพ้นท์เทคนิคต่างๆนั้นสำคัญ แต่การเรียนรู้ถึงวิธีคิดในการสร้างผลงานนั้นก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะจะช่วยให้เราสามารถสร้างผลงานในแบบของตัวเราเอง ที่แตกต่างไปจากภาพหน้ากล่องได้ และหนังสือเล่มนี้ก็อธิบายเรื่องของแนวคิดในการทำงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถ้าสนใจที่จะเรียนรู้ถึงเรื่องของวิธีคิดในการสร้างผลงาน นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่ดีมากและแนะนำให้ได้ลองอ่านกันครับ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและการสั่งซื้อ สามารถเข้าไปดูได้ตามลิ้งที่ลงไว้ครับ

https://www.pegasoworld.com/product/bellerofonte-tutorial-francesco-farabi-pdf/

Einstein (WIP2)

I borrowed my brother's iPhone 12 Pro Max for taking some shots on my project to see how it looks. This is straight from its camera without any editing, I'm very impressed.

ยืม iPhone 12 Pro Max ของพี่ชายมาลองถ่ายรูปงานดูว่าเป็นอย่างไร นี่เป็นภาพจากกล้องที่ไม่ได้ใช้การแต่งรูปใดๆช่วย ภาพอาจจะดูเบลอเล็กน้อยเพราะไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง แต่รายละเอียดในภาพและสีนั้นใกล้เคียงชิ้นงานจริงมาก สงสัยคงจะได้ยืมมาใช้อีกบ่อยๆครับ

Einstein (WIP1)

 Playing with textures, there's still a long way to go. Stay tuned!

Reviews : Citadel Colour Painting Handle

พึ่งได้รับที่จับสำหรับเพ้นท์รุ่นใหม่ของซิทาเดลมา เลยเอามารีวิวให้ชมกันว่าเป็นอย่างไรครับ 

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวไม่ได้ใช้ที่จับของซิทาเดลรุ่นเก่า เนื่องจากเคยไปลองใช้ที่ร้าน GW แล้วรู้สึกว่ามันสั้นและจับได้ไม่ถนัดมือจึงไม่ได้ซื้อไว้ เพราะฉะนั้นการรีวิวในครั้งนี้คงไม่สามารถเปรียบเทียบการใช้งานระหว่างทั้งสองรุ่นได้ แต่จะอ้างอิงตามความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อการใช้งานของที่จับรุ่นใหม่เท่านั้นครับ

เมื่อได้รับของมา สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือการออกแบบรูปทรงที่แตกต่างไปจากเดิมมาก ที่จับรุ่นใหม่ออกแบบให้ส่วนฐานนั้นกว้างขึ้น เพิ่มความสูงมากกว่าเดิม ตัวยึดงานแบบใหม่ที่มีรูปทรงโค้งเหมาะสำหรับการยึดฐานทรงกลม และเพิ่มส่วนคอคอดด้านใต้ตัวจับเพื่อให้สามารถจับได้ถนัดมากขึ้น 

เมื่อลองใช้งานดู รู้สึกว่าจับได้กระชับมือดี ส่วนคอคอดนั้นออกแบบให้รับกับอุ้งมือ จึงช่วยให้การเปลี่ยนมุมในการจับนั้นทำได้ง่าย และช่วยให้การเพ้นท์ส่วนต่างๆของมินิทั้งซ้ายขวาหรือบนล่างนั้นทำได้อย่างสะดวก 

เมื่อวางที่จับลงบนโต๊ะ ส่วนฐานที่กว้างและการที่มีน้ำหนักอยู่นิดหนึ่ง ช่วยให้สามารถวางบนพื้นราบได้อย่างมั่นคงทีเดียว ถ้าไม่ไปชนหรือกระแทกแรงๆจะไม่ล้มเองแน่นอน อย่างในภาพ Sepsimus แม้ขนาดของงานจะมีความสูงและน้ำหนักมากกว่าปกติจากธงที่เพิ่มเข้ามา แต่ก็สามารถวางที่จับบนพื้นได้อย่างมั่นคงและไม่สั่นไหวไปมา

สำหรับส่วนที่ยึดชิ้นงานนั้น สามารถยึดจับฐานทรงกลมขนาด 25mm, 28mm, 32mm, 40mm ส่วนที่นำมาลองใช้งานครั้งนี้คือฐานขนาด 28mm และ 40mm โดยที่ยึดชิ้นงานจะแบ่งเป็นช่องด้านบนสำหรับฐานขนาด 28-40mm และช่องด้านล่างสำหรับฐานขนาด 25mm ซึ่งการใส่ฐานเข้ากับที่ยึดก็สามารถทำได้อย่างสะดวก ฐานขนาด 28mm สามารถใช้มือจับตัวฐานและดันเข้ากับขอบที่ยึดให้อ้าออกจนล็อกได้เลย ส่วนฐานขนาด 40mm ต้องใช้มือหนึ่งจับที่ฐานและดันเข้ากับขอบที่ยึดด้านหนึ่ง และใช้อีกมือช่วยดันที่ยึดอีกด้านออกจะช่วยให้ใส่ได้ง่ายขึ้น

ในภาพจะเห็นว่าลองเอาฐานของ Primaris ขนาด 28mm ใส่ในช่องด้านล่างดูก็สามารถทำได้ แต่จะใส่ค่อนข้างยากหน่อยเพราะต้องดันที่ยึดให้อ้าออกจนสุดและจะทำให้ที่ยึดนั้นแบะออกเล็กน้อย ทางที่ดีคือใส่กับช่องด้านบนจะดีกว่าเพราะใส่ได้ง่ายและยึดได้แน่นหนาดีอยู่แล้ว

การยึดจับของที่ยึดนั้นทำได้ดีมาก เมื่อลองนำฐานทั้งสองแบบใส่และพลิกกลับหัวและเขย่าแรงๆหลายๆครั้ง ตัวฐานก็ยังถูกล็อกอยู่กับที่ได้อย่างมั่นคงโดยที่ฐานนั้นไม่หมุนเปลี่ยนมุมเอง แต่ก็ไม่ได้ล็อกแน่นจนขยับไม่ได้ เพราะสามารถใช้นิ้วจับที่ขอบฐานหน้าหลังเพื่อหมุนเปลี่ยนทิศเวลาเพ้นท์ได้

โดยรวมแล้วที่จับรุ่นใหม่นี้สะดวกต่อการใช้งานมาก โดยเฉพาะถ้าใช้ในการเพ้นท์มินิที่ติดลงบนฐานทรงกลม น่าเสียดายที่ที่จับอันนี้ไม่สามารถยึดจับฐานที่ขนาดใหญ่กว่านี้ได้ ส่วนฐานรูปทรงแบบอื่นยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้หรือเปล่า คงจะต้องทดลองดูในภายหลังครับ หวังว่ารีวิวนี้คงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ

สำหรับท่านที่สนใจที่จับรุ่นใหม่นี้ ตอนนี้มีวางจำหน่ายแล้ว ลองสอบถามได้จากตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านท่านครับ

C'Tan Shard of The Void Dragon

My recently finished project. I've never done painting TMM (True Metallic Metal) on the whole mini before so I decided to try to paint him with TMM and it was done only with paintbrushes (I used an airbrush just only for primer). It was a great experience trying something new and different than usual and I really enjoyed and had fun during every step. It took me some time to finish him but I'm so happy with how it turned out. 

This mini is one of the most beautifully sculpted miniatures in my opinion, great design with full of details. It was a real joy to paint and I might try to paint another version with NMM in the future, we'll see.

ผลงานล่าสุดที่พึ่งทำเสร็จเมื่อไม่กี่วันก่อนครับ ในความคิดเห็นส่วนตัว นี่เป็นหนึ่งในงานปั้นและออกแบบมิเนียเจอร์ที่สวยที่สุดตัวหนึ่ง ท่าทางและรายละเอียดต่างๆทำออกมาได้ดีและดูลงตัวมากๆ งานชิ้นนี้จึงตั้งใจทำเป็นพิเศษแม้จะมีเวลาไม่มากนักก็ตาม เนื่องจากมีรายละเอียดต่างๆบนชิ้นงานเยอะมาก การวางแผนการทำงานที่ดีจึงมีความสำคัญพอสมควร เพราะจะช่วยให้การทำงานนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกต่อการเพ้นท์แต่ละส่วนครับ ผมจึงประกอบส่วนหลักๆแยกเป็นสามส่วน คือส่วนของลำตัว ส่วนของปีกทั้งสองข้าง และส่วนของฐานพร้อมหางมังกร เพื่อให้การเพ้นท์สีในแต่ละส่วนนั้นทำได้ง่ายขึ้น แล้วจึงค่อยนำทุกส่วนเข้ามาประกอบด้วยกันในภายหลัง 

สำหรับการทำสี งานชิ้นนี้เป็นการเพนท์ด้วยพู่กันทั้งหมด และตั้งใจทดลองทำสีบอดี้หลักด้วยเทคนิค TMM (True Metallic Metal) นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองการเพ้นท์มินิทั้งตัวด้วยสีเมทัลลิคแบบนี้ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกับการเพ้นท์สีแบบทั่วไปพอสมควร แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆและผลลัพท์ที่ออกมาก็น่าพอใจทีเดียวครับ 

นี่เป็นผลงานอีกหนึ่งชิ้นที่รู้สึกภูมิใจมาก หวังว่าในอนาคตคงจะมีโอกาสได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆแบบนี้อีก ถ้ามีคำถามอะไรเกี่ยวกับการทำงานขิ้นนี้ก็สอบถามกันเข้ามาได้ครับ หลังจากนี้คงจะกลับไปทำงานที่ค้างๆไว้ต่อ ไว้มีความคืบหน้าเมื่อไหร่จะนำมาลงให้ชมกันอีกที ไว้พบกันใหม่ครับ

Still in progress, October 2020

I posted this photo on my blog on October 3, 2017 to show what I wanted and planned to do at that moment. It's been three years since then and only three pieces are already finished, another three are still in progress, and the rest stay the same. 😅 (During three years I have finished only 7 projects including those three in this photo)

Time has changed my perspective on modeling and I lost interest to finish a couple of them, but I still wanted to finish the pieces that I already started. Hope it's not gonna take another three years to finish all of them. 😅

By the way, in case you want to see the 3 pieces that already finished, here are the links.

After 4 Hours Experiment with Anonimous Bust

Bad Santa

Officer 116th Pz.Div. "Windhund"

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี 2017 ผมโพสภาพนี้เอาไว้ในบล็อก เป็นภาพงานที่ตั้งใจและวางแผนที่จะทำ ณ ขณะนั้น ถึงตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว มีเพียงแค่สามชิ้นในภาพที่ทำเสร็จสมบูรณ์ อีกสามชิ้นอยู่ระหว่างทำสีค้างเอาไว้ ส่วนที่เหลือยังอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 😅

ช่วงสามปีที่ผ่านมาผมทำผลงานเสร็จไปได้เพียงแค่เจ็ดชิ้นเท่านั้น (รวมสามชิ้นที่อยู่ในภาพด้วย) และเวลาที่ผ่านมันก็ทำให้มุมมองที่มีต่อการทำงานนั้นเปลี่ยนไป รวมถึงความสนใจที่ต่างไปจากเดิมด้วย ถึงตอนนี้บางชิ้นที่เห็นในภาพก็อาจจะไม่นำมาทำต่อแล้ว แต่หลายๆชิ้นที่เหลือก็ยังอยากทำให้เสร็จอยู่ โดยเฉพาะชิ้นที่เริ่มไปแล้วและทำสีค้างเอาไว้ คงจะพยายามทำให้เสร็จก่อน ส่วนชิ้นอื่นๆก็คงจะนำมาทำต่อหลังจากนั้นอีกที ก็หวังว่าคราวนี้คงจะไม่ต้องใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะทำเสร็จได้ครบทั้งหมด 😅 ไว้ถ้ามีความคืบหน้าเมื่อไหร่คงจะนำมาลงให้ชมกันอีกทีครับ

สำหรับท่านที่อยากเห็นภาพที่เสร็จแล้วของงานทั้งสามชิ้น สามารถเข้าไปชมได้ตามลิ้งที่ลงไว้ด้านบนครับ

Bladeguard Ancient (WIP1)

Another new project that's ready for painting, stay tuned!

New Photos of Officer 116th Pz.Div. "Windhund"

พึ่งมีโอกาสได้เพ้นท์แก้ส่วนของดวงตา เลยถ่ายภาพพร้อมมือแบบพิมพ์นิยมมาให้ชมกันอีกรอบครับ ก่อนหน้านี้น้องเซฟทักมาเรื่องสีของร่องใต้ตาที่ดูเข้มเกินไป ซึ่งพอมาสังเกตดูแล้วมันเข้มไปจริงๆ จึงมาแก้สีตรงส่วนนี้ใหม่ และมันช่วยให้ภาพรวมของใบหน้าดูเป็นธรรมชาติขึ้นมาก ต้องขอบคุณน้องเซฟมากๆที่ช่วยทักมาครับ

บ่อยครั้งที่การมองผลงานของตัวเองด้วยสายตาตัวเองเพียงอย่างเดียว ทำให้เราเผลอมองข้ามรายละเอียดหรือความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆไปได้อย่างง่ายดาย การที่มีสายตาของคนอื่นๆมาช่วยดู จะช่วยให้เราได้เห็นมุมมองที่ต่างออกไป และนำไปใช้แก้ไขให้ผลงานนั้นสมบูรณ์มากขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือเราต้องเปิดใจรับฟังคำวิจารณ์ คำแนะนำ หรือความคิดเห็นของคนอื่น เพราะมันจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาผลงานของตัวเราเองให้ดีมากยิ่งขึ้น 

หลายๆท่านมักจะไม่กล้าวิจารณ์ผลงานหรือให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีฝีมือหรือประสบการณ์สูงกว่าตัวเอง เพราะกลัวจะเป็นการไปหักหน้าหรือทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ส่วนตัวอยากจะบอกว่า หากท่านชื่นชอบผลงานของผมและคิดว่ามันมีส่วนที่ผิดพลาดหรือควรที่จะแก้ไขใดๆก็ตาม สามารถแจ้งให้ทราบได้เลยครับ อย่าได้เกรงใจ จะเป็นพระคุณอย่างสูง เพราะเราจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองกันและนำไปปรับปรุงให้ผลงานนั้นดีขึ้นได้ครับ

Officer 116th Pz.Div. "Windhund"

Alpine Miniatures  1/16 scale resin bust

I started making this bust a couple of years ago, at that time, I finished painting only the head then left it on the shelf after lost interest and confidence in finishing the bust. Time has passed and I gained more experience and confidence in painting over a couple of years. So, I thought maybe it's time to finish some of the projects that I left on the shelf for so long, and this bust was my first choice that I wanted to continue painting.

The painting was done with various acrylic paints brands such as Vallejo, Kimera Kolors, and Scale75. The head was finished a long time ago but overall it still looks pretty good so I just added some more highlight and shadow on some areas and repainted the nose-end and the visor. I decided to paint the plaid scarf in the Red-Pink pattern because I want to make it looks in contrast to the Black uniform, also a bit more interesting than usual military subject.

After a couple of years, I'm so happy that this bust is finally finished. I've been finished three historical pieces in a row so maybe it's time to switch back again to the fantasy side. I still have some fantasy projects that I started and left on the shelf for so long. I might try to finish one of them and more updates will be posted soon.

งานบัสชิ้นนี้จริงๆเริ่มทำไว้ตั้งแต่ 2 ปีก่อนครับ ตอนนั้นหลังจากที่เพนท์ส่วนหัวจนเสร็จหมดแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะทำส่วนอื่นต่อแบบไหนดี ก็เลยเก็บงานนี้เอาไว้ในตู้และเปลี่ยนไปทำงานชิ้นอื่นๆต่อจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ถึงได้มีโอกาสนำงานชิ้นนี้กลับมาปัดฝุ่นทำใหม่อีกที ด้วยความที่เวลามันผ่านไปนาน และประสบการณ์ต่างๆที่ได้รับมาก่อนหน้า จึงทำให้มุมมองที่มีต่องานชิ้นนี้นั้นเปลี่ยนไปจากเดิม ในครั้งนี้จึงมีภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าอยากจะทำออกมาในรูปแบบไหนครับ 

โดยการเพนท์ทั้งหมดนั้นใช้สีอะคริลิกของ Vallejo, Kimera Kolors และ Scale75 ผสมกันไปครับ ซึ่งส่วนหัวที่ทำเสร็จอยู่แล้วนั้นเพนท์ด้วยสี  Vallejo เป็นหลัก แม้จะทำเอาไว้นานแล้วแต่ส่วนตัวรู้สึกว่าโดยรวมมันโอเคดีแล้ว จึงมีการเพนท์เพิ่มเติมเพียงแค่แสงและเงาในบางจุดเพื่อให้สีโดยรวมนั้นดูลงตัวมากขึ้น และมีการเพนท์แก้ส่วนของปลายจมูกและปีกหมวกที่ของเดิมทำเอาไว้ไม่ดีเท่าไหร่ครับ

ส่วนของผ้าพันคอลายสก็อตผมเลือกทำเป็นลายสีแดง-ชมพู เนื่องจากต้องการให้สีมันดูตัดกับชุดสีดำ แล้วช่วยทำให้งานที่เป็นหัวข้อทหารแบบนี้นั้นดูโดดเด่นและน่าสนใจมากขึ้นกว่าสีชุดทหารแบบทึมๆทั่วไปครับ

แม้ว่างานชิ้นนี้จะถูกเก็บเอาไว้นานเป็นปีกว่าจะได้นำมาทำต่อจนเสร็จ แต่ส่วนตัวรู้สึกพอใจกับผลลัพท์ที่ได้มาก บางครั้งการที่รู้สึกว่ายังไม่แน่ใจในการทำงานชิ้นไหน และหยุดไว้ไม่ทำต่อ ก็อาจจะกลายเป็นผลดีในภายหลังก็เป็นได้ เพราะหากฝืนทำต่อในตอนนั้น ด้วยมุมมองและประสบการณ์ที่มีก็อาจจะได้ผลลัพท์ที่ไม่น่าพอใจเหมือน ณ ตอนนี้ครับ

ช่วงที่ผ่านมาทำงานแนวทหารและประวัติศาสตร์เสร็จต่อเนื่องมาสามชิ้นแล้ว หลังจากนี้คงจะกลับไปเพนท์งานแนวแฟนตาซีกันบ้างครับ ยังมีงานแนวแฟนตาซีที่ทำค้างไว้อีกหลายชิ้นมากๆ ไม่แน่อาจจะเอางานที่เก่าเก็บกลับมาทำใหม่อีกรอบ ไว้ถ้ามีความคืบหน้าเมื่อไหร่คงจะนำมาลงให้ชมกันเช่นเดิมครับ