Einstein (WIP 4)

Finally finished painting the whole head, so happy with the result. Will continue painting the rest soon.

Einstein (WIP 3)

It's been a long time since I posted the last update on this project. Maybe this time I'll try to finish it before continuing on other projects. I'll show you some more photos soon.

Reviews: “ABANDERADO TERCIOS VIEJOS DE LOMBARDIA, Nordlingen 1634"

LIMITEDITIONS Series Blade and Musket 54mm (abundant)

วันนี้มีสินค้ายี่ห้อที่อาจจะไม่คันหูกันนักมารีวิวให้ชมครับ 

Limiteditions เป็นยี่ห้อฟิกเกอร์แนวประวัติศาสตร์จากประเทศอิตาลี จัดจำหน่ายโดย Maurizio Bruno ซึ่งเป็นนักปั้นอีกท่านที่มีชื่อเสียงในแวดวงฟิกเกอร์แนวประวัติศาสตร์และเคยได้รับรางวัลมาแล้วมากมายครับ

โดยสินค้าของยี่ห้อนี้จะเป็นผลงานการปั้นของ Maurizio เองทั้งหมด และแต่ละชิ้นที่เปิดขายจะผลิตออกมาในจำนวนจำกัดตามยอดของการสั่งซื้อ ที่จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้นครับ จะไม่มีการนำมาผลิตเพิ่มเติมในภายหลัง สินค้าของยี่ห้อนี้จึงหายากและไม่ได้เป็นที่รู้จักกันมากนักครับ

สำหรับฟิกเกอร์ตัวนี้เป็นทหารสเปนในสงคราม Battle of Nördlingen ปี 1634 ครับ ส่วนตัวไม่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคนี้เลย แต่ด้วยความที่ชอบฟิกเกอร์แนวประวัติศาสตร์โดยเฉพาะแบบที่ถือธงมากเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่ามันดูมีเรื่องราวดี ตอนที่ได้เห็นฟิกเกอร์ตัวนี้ครั้งแรกจึงชอบทันที และตัดสินใจซื้อมาลองดู แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับยี่ห้อนี้ก็ตาม

ซึ่งพอได้รับของมาก็ต้องประหลาดใจนิดหน่อยตรงที่ไม่มีแพคเกจเป็นกล่องให้มาเหมือนยี่ห้ออื่นๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าคงเป็นธุรกิจเล็กๆแบบทำกันเอง ตัวฟิกเกอร์จะบรรจุอยู่ในซองพลาสติกแบบซิปล็อค พร้อมกับภาพถ่ายหน้ากล่องและใบรับรองสินค้าอันเล็กๆ แต่ก็แพคส่งมาให้อย่างแน่นหนาดี  ไม่มีชิ้นส่วนเสียหายใดๆครับ

พอได้ชิ้นงานจริงมารู้สึกว่ามันค่อนข้างใหญ่กว่าขนาด 54mm ทั่วไป เลยลองวัดดู ขนาดของตัวนี้จะอยู่ที่ประมาณ 65 mm จากหัวถึงเท้า ซึ่งถือว่าใหญ่กว่าพอสมควร เข้าใจว่าที่วงเล็บ (abundant) ไว้หลังสเกลคงจะเป็นเพราะมันใหญ่กว่าฟิกเกอร์ทั่วไปครับ

ส่วนรายละเอียดต่างๆของฟิกเกอร์ ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่หล่อชิ้นงานเรซิ่นออกมาได้ดีมากๆ ชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้น เนื้อเรซิ่นคุณภาพดีหล่อได้คมชัด มีแค่รอยตะเข็บบางๆตรงกางเกงและรูเล็กๆตรงธงเท่านั้นให้ต้องจัดการ ชิ้นส่วนทุกชิ้นประกบเข้ากันได้อย่างลงตัวแนบสนิท เท่าที่เช็คดูเข้าใจว่ามีการตัดเกจบนชิ้นส่วนและขัดแต่งเบื้องต้นมาให้เรียบร้อยแล้วด้วย สังเกตในภาพจะไม่มีเกจติดบนชิ้นงานเลย ตรงส่วนนี้ประทับใจมากจริงๆ เพราะช่วยให้การประกอบนั้นทำได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น แค่เพียงขัดแต่งเล็กน้อยก็สามารถนำไปทำสีได้เลยครับ 

สนนราคาของฟิกเกอร์ตัวนี้อยู่ที่ 32 ยูโร ยังไม่รวมค่าส่งครับ และการชำระเงินจะใช้การโอนผ่านทาง PayPal ครับ

หากสนใจต้องการสั่งซื้อสินค้ายี่ห้อนี้ ให้ติดต่อโดยตรงกับตัวศิลปิน Maurizio Bruno ซึ่งเจ้าตัวจะคอยอัพเดทผลงานชิ้นใหม่ๆ และกำหนดการสั่งซื้อล่วงหน้าของแต่ละชิ้นอยู่เรื่อยๆครับ หรือขอสมัครเข้ากลุ่ม LIMITEDITIONS - MaB COLLECTORS GROUP ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นเพื่อการซื้อขายผลงานของทาง Limiteditions โดยเฉพาะครับ

ภาพสินค้าตัวอื่นๆของ Limiteditions จากซีรี่ส์เดียวกัน ผลงานการเพ้นท์ของ Danilo Cartacci ครับ

Myphitic Blight-Hauler (WIP 1)

ก่อนหน้านี้มีคนถามถึงเรื่องการใช้สีเบสของซิทาเดลในการพ่นด้วยแอร์บรัช พอดีมีงานชิ้นนี้ที่ต้องทำสีในแบบที่ถามมา ก็เลยนำตัวอย่างมาให้ดูว่าเป็นอย่างไรครับ

สีที่ใช้พ่นหลักๆจะมี 3 สีคือ 1. Castellan Green (Air) 2. Death Guard Green (Base) 3. White Scar (Layer) โดยผสมกับ Airbrush Flow Improver ของ Vallejo และ Acrylic Thinner ของ Life Color หรือจะใช้ทินเนอร์ของวัลเลโฮ่ก็ได้เช่นกัน แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าของไลฟ์คัลเลอร์มันละลายสีของซิทาเดลได้ดีกว่าครับ

สำหรับอัตราส่วนในการผสมสีกับทินเนอร์ ถ้าให้กะโดยคร่าวๆก็คงราวๆ สี 1 ส่วน ต่อ ทินเนอร์ 2 ส่วน และ โฟลวอิมพรูฟเวอร์ 1 ส่วนครับ แต่ส่วนตัวเวลาผสมสีจะอาศัยการสังเกตเอาว่าสีเหลวมากพอหรือยังแล้วลองป้ายสีกับทิชชู่ดู พอใส่ในกรวยแอร์บรัชก็จะลองพ่นเทสบนกระดาษดูก่อนอีกทีว่าโอเคหรือยัง เพราะบางครั้งสีในขวดมันจะเหลวไม่เท่ากัน สัดส่วนในการผสมแต่ละครั้งจึงอาจจะแตกต่างกันไป ไม่ได้มีอัตราส่วนที่แน่นอน ทางที่ดีคือลองผสมและเทสจนกว่าจะเจออัตราส่วนที่เหมาะกับการทำงานของเราจะดีที่สุดครับ 

งานชิ้นนี้ตั้งใจทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบในฉากเล็กๆที่กำลังทำอยู่ จึงมีการดัดแปลงรายละเอียดเล็กน้อยในบางจุด ถ้าดูในภาพจะเห็นผิวบนเกราะที่ดูขรุขระ เกิดจากการทำพื้นผิวขึ้นใหม่ด้วยทามิย่าพุตตี้ครับ ภาพสุดท้ายเป็นภาพตอนพ่นรองพื้นด้วยสีน้ำตาล ที่เห็นเป็นสีเทาอ่อนบนชิ้นงานคือสีของพุตตี้ครับ ไว้จะนำความคืบหน้ามาให้ชมกันเรื่อยๆอีกทีครับ

สีที่ใช้เพ้นท์ Gutrippaz

เอาภาพของสีที่ใช้ตอนเพ้นท์ Gutrippaz มาให้ชมกันครับ ที่เห็นนี่เป็นกระดาษรองแผ่นที่สองที่ใช้กับงานชิ้นนี้ครับ แผ่นที่หนึ่งจะเป็นสีของผิวหนังโทนเขียวกับหนังสัตว์เป็นหลัก ส่วนแผ่นที่สองนี้เป็นสีที่ใช้ตามรายละเอียดต่างๆ ทั้งชุดเกราะ สนิม อาวุธ รวมไปถึงสีของพื้นดินด้วย และมีส่วนที่เป็นสีสำหรับผิวเล็กน้อย เอาไว้เผื่อทาซ่อมแซมครับ

ในภาพจะเห็นว่าในการเพ้นท์งานหนึ่งชิ้นจะใช้สีค่อนข้างเยอะ เพื่อช่วยให้การจำลองแสงและเงาของสีในแต่ละส่วนนั้นทำได้อย่างกลมกลืนและมีมิติ ยิ่งจำนวนระดับสีมาก ก็ยิ่งช่วยทำให้สีนั้นดูกลมกลืนกันได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นสีแดงที่ใช้กับโลห์ จะใช้สีที่ไล่น้ำหนักจากเข้มไปสว่างทั้งหมด 7 ระดับครับ (โทนสีแดงอยู่ตรงมุมขวาล่างของจานสี) หรืออย่างสีของโลหะ NMM ก็จะใช้ทั้งหมด 9-10 ระดับ (รวมสีสนิมด้วย) เป็นต้นครับ

นำภาพนี้มาลงให้ชมเป็นตัวอย่างในเรื่องของการใช้สีเพื่อสร้างมิติบนชิ้นงาน หวังว่าคงจะช่วยให้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็สอบถามกันมาได้ครับ 

ปล. วิธีการทำงานของตัวเองจะถนัดวางจานสีไว้ต่ำกว่าระดับโต๊ะ และมีกระดาษเช็ดมือที่เปียกหมาดๆไว้ใช้ซับสีจากพู่กัน ส่วนถ้วยใส่น้ำจะวางอยู่เหนือกระดาษซับสีอีกทีครับ