Thursday, December 22, 2011

The Rats are there part 2


( finished in early of this year (2011)

" The Rats are there "
132nd " Ariete " Armored Division 
In North Africa , 1942













 

Wednesday, December 21, 2011

The Rats are there part 1

Tamiya : M13/40 Italian medium tank (converted to M14/41)
Alpine Miniatures : 350104 A Conversation in the Desert (2 Figures)

After the M14/41 tank is made, it is arranged on the vignette along with figures from Alpine and Tamiya that came with the tank kit. I want this vignette to tell a story of a cooperation between Italian soldiers and German paratroopers ( DAK Ramcke Brigade) under Rommel's command in the fight against British in North African battlefield in 1942.

The background is made from DAS modeling clay, fine grain sand and cat litter sprinkled on top of the surface. 




In order to integrate with the Alpine figure, I had to make the top part of Tamiya figure from scratch with epoxy putty from Tamiya and Alteco. It is painted with Mr. Color from GSI and skin tone is done with acrylic paint. 


Reference for Italian military uniforms




Tuesday, December 20, 2011

M14/41

M14/41 Italian Medium Tank
2nd tank of the 3rd Platoon , 
1st Company , IX Tank Battalion ,
132nd " Ariete " Armored Division ,
North Africa 1942 







Monday, December 19, 2011

Weathering AFV part 5

" Making a Sandbags , Tarp & Headlamp "

ครั้งนี้เป็นส่วนของสัมภาระต่างๆที่ทำเพิ่มเข้าไปครับ ซึ่งผมว่านี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของการทำรถถังเช่นกันครับ เป็นเหมือนสีสรรที่เพิ่มเข้าไป และช่วยทำให้รถถังนั้นดูมีเรื่องราวมากขึ้นครับ ส่วน M13-40 คันนี้ก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับ ว่าจะหากระสอบทรายและสัมภาระมาใส่เข้าไป เพราะว่าเห็นในภาพที่เอามาอ้างอิงแล้วชอบมากๆ มันดูดุดันดี แต่ดูราคาชุดแต่งที่มีขายแล้ว เปลี่ยนใจมาลองทำเองน่าจะดีกว่า

Sandbags & Tarp - สำหรับอุปกรณ์ในการปั้นนั้น หลักๆผมจะใช้อีพอคซี่พุตตี้ (Epoxy Putty) ของทามิย่ากล่องสีเขียวครับ จะเหมาะกับการปั้นเก็บรายละเอียดได้ดี แต่ในคราวนี้เนื่องด้วยต้องใช้การปั้นในจำนวนที่เยอะพอสมควร ก็เลยลองใช้ Epo Putty ของ Alteco ดูครับ เพราะราคาถูกกว่ามาก เท่าที่ลองใช้ดู รู้สึกว่าของอัลเทโก้เนื้อจะนิ่มกว่ามาก ทำให้เวลาเอามาปั้นกระสอบทราย จะต้องปั้นอีพอคซี่ทิ้งไว้ให้เริ่มเซ็ทตัวและแข็งหน่อยนึง แล้วค่อยมาเก็บรายละเอียดรอยยับอีกทีครับ อุปกรณ์ในการปั้นของผมก็จะใช้มีดอารต์ไนฟ์กับไม้จิ้มฟัน สำหรับกดแต่งรอยยับต่างๆ แล้วใช้พู่กันจุ่มทินเนอร์มาทาเกลี่ยผิวอีพอคซี่ให้เรียบและกลมกลืนอีกที ส่วนห่อผ้าหรือผ้าใบนั้นใช้อีพอคซี่ของอัลเทโก้ทำจะเหมาะมาก ด้วยการรีดให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาม้วนเข้าด้วยกัน แล้วจึงค่อยกดรอยยับต่างๆ ส่วนเส้นเชือกสีเหลืองนั้นใช้อีพอคซี่ของทามิย่าทำครับ เพราะสามารถคลึงเป็นเส้นเล็กๆได้ และจัดแต่งได้ง่ายกว่า


การปั้นแบบแยกชิ้นนั้นจะมีจุดสำคัญอยู่ตรงการวางแผนและจัดวางรูปทรงในตอนปั้น ให้ส่วนของผ้าหรือกระสอบนั้นแนบไปกับพื้นผิวของรถ โดยที่ยังสามารถถอดแยกออกมาทำสีและติดกลับเข้าไปได้แนบสนิทเหมือนเดิมครับ


ลองเอามาจัดวางดู ตรงส่วนของผ้าจะทิ้งน้ำหนักไปตามแรงโน้มถ่วง และกระสอบทรายจะวางให้แนบชิดกัน




อ้อ..ลืมบอกไปครับ อีพอคซี่นั้นจะเหนียวมาก ดังนั้นเวลาปั้นจะต้องใช้วาสลีนทามือและทาที่ตัวอีพอคซี่เพื่อที่เวลาปั้นจะ ได้ไม่เหนียวติดมือ และสามารถนำไปจัดรูปร่างบนตัวรถ โดยที่ไม่ยึดไปกับตัวรถเสียก่อน เพื่อความสะดวกเวลาทำสีครับ ตอนที่ผมทำนั้น นำกระสอบไปจัดวางบนรถและทิ้งไว้ให้อีพอคซี่แข็งตัวปรากฎว่าตอนมาแกะออกมัน แน่นมาก และลอกสีออกมาด้วยบางส่วน โชคดีที่เป็นจุดที่โดนบังพอดีครับ

Headlamp - ส่วนสุดท้ายที่ทำเพิ่มเติม และนำมาติดทีหลังสุดคือดวงไฟครับ ซึ่งทามิย่าไม่ได้ให้ชิ้นส่วนนี้มาเป็นชิ้นใส ผมเลยทดลองทำเองโดยใช้อีพอคซี่เคลียร์ของ Alteco ครับ หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไป
การผสมนั้นหลอดสีดำจะเป็นเรซิ่น ส่วนสีเขียวจะเป็นตัวทำแข็งครับ ควรจะบีบให้ 2 ส่วนพอๆกันหรือให้สีเขียวมากกว่าหน่อยนึงครับ จะแห้งเร็วหน่อยแต่แข็งตัวได้ดีกว่า และพยายามใช้ไม้จิ้มฟันค่อยๆกวนให้ทั้ง 2 ส่วนผสมเข้าด้วยกันโดยที่ไม่เกิดฟองอากาศครับ จากนั้นใช้ไม้จิ้มฟันจุ่มอีพอคซี่เคลียร์ไปหยอดบนหลุมแม่พิมพ์ที่ทำไว้โดยหยอดให้เต็มพอดีขอบหลุมและพยายามอย่าให้มีฟองอากาศครับ

ส่วนแม่พิมพ์นั้นผมใช้อีพอคซี่พุตตี้ปั้นเป็นแผ่นแบนๆแล้วเอาชิ้นส่วนดวงไฟของทามิย่าไปติดกับไม้จิ้มฟัน แล้วนำมากดครับ ทิ้งไว้ซัก 1 คืนให้แห้งสนิท ก็นำมาใช้หล่อแบบได้แล้วครับ


อีพอคซี่เคลียร์นั้นถ้ายังไม่แห้งสนิทเวลาจับโดนจะเป็นรอยนิ้วมือครับ อาจจะต้องทิ้งไว้ 1-2 วัน และพอแห้งแล้วก็จะไม่แข็งเหมือนเรซิ่น แต่จะเป็นเหมือนกับยางครับ แกะออกมาก็จะได้แบบที่เห็นครับ เนื่องจากตอนที่ทำ ผมไม่ได้ลองทาวาสลีนที่แม่พิมพ์ ก็เลยแกะยากพอสมควร ต้องใช้ปลายมีดค่อยๆแซะออกมา เลยดูขุ่นๆหน่อย


เมื่อนำไปติดแล้วก็พอกล้อมแกล้มไปได้ครับ ด้านในดวงไฟนั้นทาด้วยสีเงิน ใช้กาวลาเท็กซ์ทาตรงขอบ
แล้วค่อยนำดวงไฟไปติด และแต่งคราบฝุ่นอีกนิดหน่อยครับ


 ----------------------------------------------------------------------

        หลังจากผ่านการทำงานในขั้นตอนต่างๆ ที่อาจจะเยอะ และใช้เวลาในการทำพอสมควร แต่ผลที่ได้ออกมาสำหรับผมแล้วถือว่าพอใจมากๆครับ ซึ่งวิธีแบบที่ผมทำนี้ จะเป็นการทำสีที่เหมือนกับให้สีนั้นมีการซ้อนทับกันของชั้นสีขึ้นมาทีละชั้นๆ ไล่มาตั้งแต่สีพื้น จนมาถึงคราบฝุ่นที่ปกคลุมอยู่ชั้นบนสุด และจะเน้นไปที่เรื่องของการเวทเธอริ่งเป็นหลัก โดยใช้ทั้งสีสูตรทินเนอร์ สีอะครีลิค สีน้ำมัน สีฝุ่นหรือพิกเมนท์ สลับกันไปมาตามความเหมาะสมของส่วนที่จะทำ เพื่อให้ผลลัพท์นั้นออกมาได้อย่างที่ใจเราคิดครับ การทำงานแบบนี้เป็นแบบที่ฝรั่งนิยมทำกันและสอนเทคนิคต่างๆเหล่านี้ตามแมกกาซีนในต่างประเทศ ผมเลยเอามาลองทำให้ได้ดูกันอีกที เผื่อจะได้เป็นประโยชน์แก่ท่านที่พึ่งเริ่มหรือสนใจในการทำรถถังจะได้ลองนำไปปรับใช้กัน และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกๆท่านที่เข้ามาชมด้วยนะครับ  

ส่วนภาพผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ ลองกดไปดูได้ที่ 
click Here & Here