Friday, May 8, 2015

การเลือกใช้จานสีแบบต่างๆสำหรับสีอะคริลิค

ไม่นานมานี้ผมได้เห็นบทความของน้องท่านหนึ่งบนเฟซบุ๊คเกี่ยวกับเรื่องของการเก็บรักษาสีอะคริลิคให้สามารถใช้ได้ต่อเนื่องหลายวันโดยที่สีนั้นไม่แห้งไปเสียก่อน เลยจุดประกายให้ผมอยากเขียนบทความนี้ เพราะคิดว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักจานสีในแบบอื่นๆ ที่ค่อนข้างนิยมในหมู่คนทำฟิกเกอร์แนวไซไฟแฟนตาซีมากกว่าคนที่ทำแนวทหาร ในบ้านเราเลยอาจจะยังไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ และผมเองก็ยังไม่เคยเขียนอธิบายถึงรายละเอียดข้อดีข้อเสียมาก่อน เลยถือโอกาสนำมาเล่าสู่กันฟังจากประสบการณ์ส่วนตัวครับ เผื่อจะช่วยให้คนที่กำลังเริ่มสนใจในการใช้สีอะคริลิค ได้ลองนำไปปรับใช้ให้เข้ากับความถนัดของตัวเองดูครับ


เรื่องของการเลือกใช้จานสีนี้ แม้จะดูว่าเป็นเรื่องที่พื้นฐานมากๆ แต่ผมคิดว่าหากเราเข้าใจ และเลือกใช้จานสีแบบที่เหมาะกับการทำงานของเรา รวมถึงการทำให้สีที่ผสมนั้นเก็บเอาไว้ได้หลายวัน จะช่วยให้การทำงานนั้นทำได้อย่างต่อเนื่องและสะดวกมากขึ้นครับ
สำหรับจานสีแบบที่จะแนะนำให้ทราบกัน จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทที่คนนิยมใช้กัน คือ
- จานสีแบบหลุม
- จานสีแบบเปียก

1. จานสีแบบหลุม
ก็คือจานสีแบบที่ขายทั่วไปตามแผนกเครื่องเขียนหรือร้านค้าต่างๆครับ ที่บนจานสีจะมีการแบ่งช่องหรือหลุมแยกจากกันเพื่อความสะดวกในการผสมสี จานสีแบบนี้มีมากมายหลายแบบหลายรูปทรงและวัสดุ แบบที่ผมชอบใช้จะเป็นแบบพลาสติกทรงกลมมีหลุมอยู่รอบๆครับ เพราะมันสามารถเอามาซ้อนกันเป็นตั้งได้ ราคาถูกและประหยัดพื้นที่
สมัยก่อนตอนที่ยังใช้สีกันเซ่หรือ Mr. Color ในการเพนท์ฟิกเกอร์แนวทหารอยู่ ผมจะชอบซื้อจานสีแบบนี้มาเก็บไว้หลายๆอัน เวลานำมาใช้ผสมสีก็จะแบ่งจานสีแต่ละอันไว้ผสมสีในโทนเดียวกัน จานสีหนึ่งสำหรับโทนสีแดง, จานสีสำหรับสีดำเทาขาว, จานสีสำหรับสีเหล็กสีเงิน, จานสีสำหรับชุดทหารอเมริกันสงครามโลกครั้งที่สอง หรือจานสีของชุดทหารเยอรมันเป็นต้นครับ หลังจากที่ผสมสีและเพนท์เรียบร้อยแล้ว ผมก็จะปล่อยสีทิ้งไว้ให้แห้งคาจานสีเลย เพราะว่าสีกันเซ่นั้นจะละลายได้ใหม่หากเติมทินเนอร์ลงไป ดังนั้นเวลาจะผสมสีให้ได้แบบเดิมอีกครั้งก็จะมีตัวอย่างสีในหลุมเดิมให้เทียบและผสมสีลงไปในนั้นได้เลย โดยไม่ต้องมาเสียเวลาทำความสะอาดทุกครั้งครับ




ส่วนหลังจากที่เปลี่ยนมาใช้สีอะคริลิคในการเพนท์ฟิกเกอร์แล้ว ในช่วงแรกๆผมก็ยังใช้จานสีแบบนี้อยู่ครับ แต่เวลาใช้เสร็จแล้วจะไม่ได้ทิ้งให้สีแห้งคาหลุมแบบเดิม เพราะสีอะคริลิคเมื่อแห้งแล้วจะไม่สามารถละลายได้ใหม่ ดังนั้นผมจึงใช้วิธีเอาแผ่นฟอยล์ที่ใช้ในการห่ออาหาร มาปิดทับคลุมที่จานสีและใช้นิ้วรีดให้แผ่นฟอยล์แนบไปกับหลุมสีครับ วิธีนี้จะช่วยให้ไม่ต้องมาคอยล้างจานสี เมื่อใช้เสร็จแล้วก็ลอกฟอยล์ทิ้งได้เลย และม้วนฟอยล์อันหนึ่งก็ราคาไม่แพงและใช้ได้นานเป็นปีครับ


ส่วนการเก็บรักษาสีอะคริลิคที่ผสมในจานสีแล้ว ให้สามารถคงสภาพของเหลวเอาไว้ให้นานหลายวัน โดยที่สีไม่แห้งไปซะก่อน จะช่วยให้การเพนท์งานที่มีรายละเอียดของสีเยอะนั้นทำได้สะดวกมากขึ้น เพราะบางครั้งอาจจะไม่สามารถทำให้เสร็จได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือหนึ่งวัน ดังนั้นการที่เก็บสีที่ผสมเอาไว้แล้วให้สามารถนำมาใช้ได้ในวันต่อๆไปจะช่วยประหยัดทั้งสีและเวลาที่จะต้องมาผสมสีใหม่ให้ใกล้เคียงกับสีเดิมที่ทำไว้ครับ
วิธีการเก็บรักษาสีอะคริลิค สำหรับคนที่ใช้จานสีแบบหลุมนี้ คุณ Tid ScaleModel ได้เขียนบทความอธิบายเอาไว้อย่างละเอียดพร้อมภาพประกอบครับ สามารถเข้าชมได้ทางเฟซบุ๊คของคุณ Tid ScaleModel ตามลิ๊งค์ที่ลงไว้นี้ครับ [CLICK HERE]

photo courtesy of Tid ScaleModel

อีกตัวเลือกหนึ่งของการใช้จานสีที่ผมเห็นโมเดลเลอร์ต่างชาติหลายท่านนิยมใช้กัน คือการใช้แผงยาหรือลูกอมที่ใช้แล้วครับ เอามาใช้แทนเป็นจานสี เวลาใช้เสร็จก็ทิ้งแล้วเปลี่ยนใหม่ได้เลยครับ ส่วนวิธีเก็บสีก็เอาแผงเปล่าอีกอันมาครอบไว้ และอาจจะนำไปใส่กล่องเก็บไว้อย่างที่คุณ Tid ScaleModel แนะนำเอาไว้ก็ได้ครับ

photo courtesy of lanciomodels.blogspot.com
photo courtesy of lanciomodels.blogspot.com
photo courtesy of lanciomodels.blogspot.com

2. จานสีแบบเปียก (Wet Palette)
เป็นจานสีแบบที่นิยมกันในหมู่คนเพนท์ฟิกเกอร์แนวแฟนตาซี รวมถึงคนที่เล่นมิเนียเจอร์วอร์เกมด้วยครับ ผมรู้จักจานสีแบบนี้เมื่อหลายปีก่อน จากบทความในบล็อกของ Massive Voodoo [CLICK HERE] หลังจากนั้นก็ใช้จานสีแบบนี้มาตลอด เพราะว่าเหมาะกับการทำงานของตัวเองที่เป็นคนทำงานช้า และจานสีแบบนี้ยังเหมาะกับงานที่ต้องลงสีพร้อมกันหลายๆสีในทีเดียวด้วยครับ
สำหรับวิธีการทำจานสีแบบเปียก จะใช้กล่องแบบที่มีฝาปิดได้สนิท จากนั้นนำกระดาษทิชชู่หรือฟองน้ำรองเอาไว้ด้านใต้กล่อง เทน้ำลงไปให้ชุ่มแล้วใช้กระดาษที่ใช้ในการอบขนมมาวางทับด้านบนอีกที กระดาษแบบนี้จะชุบด้วยซิลิโคนทำให้มีคุณสมบัติกันน้ำ ทำให้น้ำจากด้านล่างกระดาษไม่ซึมขึ้นมาและผสมกับสีที่อยู่ด้านบน แต่สีจะได้รับความชื้นจากน้ำที่อยู่ใต้กระดาษ ทำให้สีอะคริลิคนั้นคงสภาพของเหลวได้นานกว่าจานสีแบบอื่นๆ และเมื่อใช้งานเสร็จและปิดฝากล่องแล้ว ก็จะสามารถเก็บความชื้นเอาไว้ภายใน ทำให้สีนั้นคงสภาพได้นานหลายอาทิตย์ ที่ผมเคยเจอคืออยู่ได้เดือนกว่าๆโดยที่ไม่ได้เติมน้ำเพิ่มเลย เมื่อเปิดมาสีจะไม่ได้เหลวเป็นน้ำ แต่จะจับตัวเป็นก้อน และเมื่อผสมน้ำลงไปก็ยังละลายสีให้เหลวและนำไปใช้ทาได้ปกติครับ

ในส่วนของกระดาษที่นำมาใช้ทำจานสีแบบเปียก ที่ผมเคยลองใช้มามี 3 ประเภทครับ แต่ละแบบก็จะมีคุณลักษณะแตกต่างกันไป แบ่งออกเป็น
2.1 กระดาษพาร์ชเมนต์ (Parchment Paper) หรือกระดาษรองอบ เป็นกระดาษที่นิยมใช้ในการอบขนมครับ กระดาษชนิดนี้ผิวกระดาษจะถูกเคลือบด้วยสารซิลิโคน จึงมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง และกันน้ำ แม้จะแช่น้ำไปนานๆก็จะไม่เปื่อยยุ่ยครับ เท่าที่ลองใช้มากระดาษชนิดนี้เหมาะกับการนำมาใช้ทำจานสีแบบเปียกมากที่สุดครับ ผมไม่แน่ใจว่ากระดาษชนิดนี้มีขายทั่วไปตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรือเปล่า อาจจะต้องลองสอบถามดูตามแผนกเครื่องครัว หรือไม่ก็ลองหาซื้อตามร้านที่ขายอุปกรณ์ทำขนมแบบออนไลน์ดูครับ



2.2 กระดาษไข (Wax Paper) นิยมใช้ในการทำขนมเช่นกันครับ กระดาษชนิดนี้ผิวกระดาษจะถูกเคลือบด้วยไขพาราฟิน ผิวกระดาษจึงมีลักษณะเป็นผิวมัน มีคุณสมบัติกันน้ำได้ในระดับนึง และไม่ทนความร้อนครับ เท่าที่เคยใช้มา เมื่อหยดสีลงบนกระดาษแล้วและใช้งานไปซักพัก น้ำจากด้านล่างกระดาษจะค่อยๆซึมขึ้นมาผสมกับสีทีละน้อยจนสีนั้นใสขึ้นกว่าตอนที่หยดลงทีแรกเล็กน้อยครับ บางครั้งมันจึงไม่ค่อยสะดวกเพราะต้องคอยหยดหรือผสมสีเพิ่มให้ได้แบบเดิม ดังนั้นกระดาษแบบนี้จึงเป็นตัวเลือกรอง ในกรณีที่หาซื้อกระดาษพาร์ชเมนต์ไม่ได้ก็สามารถใช้อันนี้ทดแทนไปก่อนได้ครับ สำหรับภาพตัวอย่างที่เอามาให้ดูนี้ ผมซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างเดอะมอลล์เมื่อหลายปีก่อนครับ เป็นแบบม้วนยาวแล้วผมค่อยมาตัดแยกส่วนให้พอดีกับกล่องใส่เอง ราคาจำไม่ได้แล้ว แต่น่าจะเกือบๆร้อยหรือร้อยกว่าๆครับ ปริมาณที่ให้มาม้วนนึงเยอะมากๆ ใช้ได้เป็นปีๆครับ



2.3 กระดาษอะครีลิค (Acrylic Paper) แบบสุดท้ายนี้เป็นกระดาษที่ผลิตขึ้นมาสำหรับงานเพนท์สีอะคริลิคโดยเฉพาะครับ เอามาแนะนำให้ชมแต่ไม่แนะนำให้หามาใช้ครับ เนื่องจากราคาและคุณภาพนั้นยังรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าเหมือนกับกระดาษพาร์ชเมนต์ครับ แต่พอดีผมไปเจอที่ราคาค่อนข้างถูกเลยเอามาลองใช้ดู ลักษณะของกระดาษแบบนี้จะคล้ายๆกับกระดาษวาดรูปทั่วไปที่หนาซักหน่อย ไม่บางเหมือนกระดาษถ่ายเอกสารครับ และจะมีใบอธิบายวิธีการใช้แนบมาให้ด้วย โดยเราจะต้องนำกระดาษไปแช่ในน้ำร้อนก่อน และทิ้งไว้นานประมาณ 15 นาที ถึงจะค่อยนำไปวางบนฟองน้ำและใช้งานได้ เท่าที่ลองใช้มา สีจะซึมลงบนกระดาษไปบางส่วน และสีค่อนข้างจะแห้งเร็วกว่ากระดาษแบบอื่นๆ ในตอนที่ใช้ต้องคอยเติมน้ำลงในสีอยู่เรื่อยๆ และหากปิดฝากล่องทิ้งไว้ก็เก็บสีไว้ใช้ได้เพียงวันสองวันเท่านั้น ความรู้สึกส่วนตัวเลยไม่ประทับใจเท่าไหร่ครับ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหากนำมาใช้กับฟองน้ำของยี่ห้อนี้ ที่ทำมาแบบแผ่นบางๆให้ใช้คู่กันแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นรึเปล่า ไว้มีโอกาสแล้วคงจะลองดูอีกที แต่สำหรับตอนนี้ก็แนะนำว่ากระดาษพาร์ชเมนต์เหมาะสมที่สุดครับ



ภาพตัวอย่างจานสีแบบเปียกที่ผมใช้อยู่ครับ ผมเลือกใช้กล่องพลาสติกแบบมีฝาปิดพลาสติกที่ปิดได้สนิทและแน่นหนาดี ส่วนด้านในจะใช้ฟองน้ำแบบหนา หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างก้อนละไม่ถึงสิบบาท นำมาตัดให้เวลาใส่แล้วแน่นพอดีกับกล่องครับ เพราะเวลาเทน้ำลงไปแล้วฟองน้ำจะได้ไม่ลอยไปมา ทำให้ผสมหรือจุ่มสีลำบากครับ จากนั้นก็ใส่น้ำลงในกล่องและให้ฟองน้ำนั้นอมน้ำเอาไว้เต็มที่ แล้วจึงเทน้ำออกให้เหลือพอดีกับระดับของฟองน้ำ นำกระดาษพาร์ชเมนต์มาตัดให้พอดีกับกล่องแล้ววางไว้ด้านบนฟองน้ำเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ นำสีมาหยดลงบนจานสีได้เลย เวลาใช้งานเสร็จก็ปิดฝาให้สนิท และคอยสังเกตุระดับน้ำในกล่องอย่าปล่อยให้แห้ง เมื่อเปิดมาใช้อีกก็เทน้ำให้ฟองน้ำนั้นชุ่มชื้นอยู่เสมอ และนำกล่องและฟองน้ำมาล้างบ้างเพื่อป้องกันความสกปรกและกลิ่นครับ



ข้อดี ของจานสีแบบนี้คือ สามารถผสมสีได้พร้อมกันหลายสิบสี รวมถึงสะดวกต่อการผสมน้ำกับสีเพื่อควบคุมความข้นหรือใสของสีได้  และเมื่อใช้เสร็จก็ปิดฝาและเก็บเอาไว้ใช้ได้อีกหลายอาทิตย์  ทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อเสีย เท่าที่เจอคือ เรื่องของการผสมสีที่จะผสมสีทีละมากๆได้ลำบากกว่าจานสีแบบหลุม จึงไม่เหมาะสำหรับการผสมสีเพื่อทาพื้นที่ใหญ่ๆ และเนื่องจากมันไม่มีขอบกั้นระหว่างสีเหมือนจานสีแบบหลุม หากผสมสีใกล้กันมากๆก็มีโอกาสที่สีจะไหลมารวมกันได้ครับ

จานสีแบบเปียกที่นิยมกัน ส่วนใหญ่จะใช้กล่องแบบแบนหรือขอบกล่องไม่สูงมาก และเอาฟองน้ำแบบบางหรือกระดาษรองด้านใต้ เพราะหากเลือกใช้กล่องที่มีความสูงมาก เมื่อนำมาวางบนโต๊ะ ขอบของกล่องที่สูงจะทำให้เวลาจุ่มพู่กันลงไปต้องยกมือขึ้นสูงและจะไม่สะดวกเมื่อต้องคอยยกมือตลอดเวลาที่เพนท์ครับ
ส่วนวิธีที่ผมใช้ ผมเองจะชอบใช้โต๊ะคอมพิวเตอร์แบบที่มีรางเลื่อนสำหรับวางคีย์บอรด์มาทำเป็นโต๊ะทำงาน โดยจะเอากล่องกระดาษมาตัดเอาไว้รองเศษฝุ่นเวลาตัดขัดต่างๆ ส่วนจานสีก็จะวางเอาไว้ด้านล่างนี้ ทำให้สะดวกในการจุ่มผสมสี ส่วนด้านบนโต๊ะจะวางกระดาษทิชชู่ไว้คอยซับสีกับถ้วยน้ำสำหรับผสมสีไว้ครับ ผมเลยถ่ายภาพโต๊ะทำงานมาให้ดูครับ จะได้เห็นว่าทำไมผมถึงใช้กล่องแบบนี้ ลงให้ดูไว้เป็นแนวทางครับ 
ผมคิดว่าหากเราได้ใช้จานสีในแบบที่เหมาะกับการทำงานของเราแล้ว มันจะช่วยให้การทำงานนั้นสะดวกมากขึ้นครับ และการที่สามารถเพนท์งานได้ต่อเนื่องยังช่วยให้การทำงานนั้นสนุกขึ้นด้วย รวมถึงยังช่วยประหยัดเวลาและสีที่ใช้ด้วยครับ ดังนั้นจึงหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้จานสีที่เหมาะกับการทำงานของตัวคุณเองได้ง่ายขึ้นนะครับ ขอให้สนุกกับการเพนท์ครับ Happy Painting :)


No comments:

Post a Comment